รู้หรือไม่ ? EQ พัฒนาได้ ผ่าน “กระจกสะท้อนอารมณ์”
จากหนังสือเรื่อง Between Parent and Child ดร. เฮม จีนอตต์ ได้กล่าวไว้ว่า
“เด็กเรียนรู้ลักษณะภายนอกของตัวเอง โดยการส่องกระจก ขณะเดียวกันนั้นก็เรียนรู้ลักษณะทางอารมณ์หรือเข้าใจ EQโดยการได้ยินเสียงสะท้อนเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง”
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคำว่า กระจกสะท้อนอารมณ์พัฒนา EQ กันค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการไปพร้อมกันนะคะ
ลองจินตนาการว่าตอนนี้เรากำลังเป็นกระจกบานใหญ่บานหนึ่งอยู่ และเป็นกระจกที่สามารถพูดได้
หากเรามองเห็นลูกน้อยกำลังโกรธ โมโห หงุดหงิด หวาดกลัว หรือแสดงอารมณ์อื่น ๆ อยู่ในขณะนั้น
คุณพ่อคุณแม่คงเกิดคำถามขึ้นมาว่า เราจะทำยังไงดีนะ เราจะมีวิธีรับมือให้ลูกหยุดอารมณ์เหล่านั้นด้วยวิธีไหน
แต่อย่าลืมนะคะ ว่า ตอนนี้เรากำลังทำหน้าที่เป็นกระจกอยู่
แล้วเราจะเลือกเป็นกระจกแบบไหนกันนะ
กระจกบานแรก: กระจกที่ตะโกนออกไปอย่างเสียงดังเพื่อให้ลูกหยุดแสดงอารมณ์
กระจกบานที่สอง: กระจกที่แสดงอาการเมินเฉย ไม่สนใจ และปล่อยให้ลูกแสดงอารมณ์ต่อไป
กระจกบานสุดท้าย: กระจกที่คอยรับฟัง รอจังหวะ และพูดคุยสะท้อนอารมณ์ให้ลูกเข้าใจ
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงกำลังหาคำตอบและเลือกคำตอบที่ดีที่สุดอยู่ใช่ไหมคะ
และเราเข้าใจว่าในสถานการณ์ที่ลูกน้อยกำลังหวาดกลัว โกรธ เสียใจ สับสน หรือคับแค้นใจ พ่อแม่หลายคนคงกังวล และพยายามหาทุกวิธีเพื่อช่วยให้ลูกผ่านพ้นไปได้
มาลองดูกันว่า กระจกแต่ละบาน สื่อถึงอะไรบ้าง
-
กระจกบานแรก
สื่อถึงการพูดคุยแบบใช้อารมณ์ต่อกัน เมื่อลูกโกรธ ร้องไห้เสียงดัง แล้วเราตะโกนบอกให้หยุด หรือใช้น้ำเสียงแสดงอารมณ์ เช่น
“หยุดร้อง ร้องไห้ทำไม!”
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ!”
“ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์!”
เพราะอาจจะทำให้ลูกน้อยไม่เชื่อใจคุณพ่อคุณแม่ เนื่องจากตอนนั้นลูกยังไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองได้
อย่างแน่ชัดเมื่อเราพูดแบบใช้อารมณ์กลับไปทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกอย่างพังลงเหมือนกระจกที่แตกสลาย
-
กระจกบานที่สอง
สื่อถึงการเมินเฉย ไม่สนใจ ถ้านานไปจะเป็นการแสดงให้ลูกน้อยรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญและเขาจะแสดงอารมณ์เพิ่มขึ้นเพื่อให้ตัวเองได้รับความสนใจ
*การเมินเฉยสามารถทำได้นะคะ แต่ต้องไม่ทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น เล่นมือถือ
เพราะการเมินเฉยเราทำเพื่อให้ลูกรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำพฤติกรรมที่ไม่ดีอยู่ เมื่อลูกอารมณ์เย็นลงก็ค่อยเข้าไปพูดคุยกับลูกได้ค่ะ*
-
กระจกบานสุดท้าย
สื่อถึงการรับฟังอย่างเข้าใจ รอการพูดคุยอย่างใจเย็น และพูดคุยสะท้อนอารมณ์ให้ลูกเข้าใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง เช่น พยักหน้า มองตา โอบกอด
เพื่อให้ลูกรู้ว่าเราฟังอยู่นะ รวมไปถึงการใช้น้ำเสียงของพ่อแม่ด้วยเช่นกันค่ะ
BrainFit ขอเสนอในมุมของเทคนิค รับฟัง พูดคุย ผ่านกระจกสะท้อนอารมณ์ เพื่อเป็นอีกแนวทางในการเข้าใจอารมณ์ของลูกน้อย และช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ หรือทักษะ EQ ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
เทคนิค รับฟัง พูดคุย พัฒนา EQ ผ่านกระจกสะท้อนอารมณ์
-
รับฟัง
การรับฟังคือการหยุดสิ่งที่เราคิดหรือสิ่งที่อยากพูดไว้ก่อน รับฟังเสียงของลูกน้อยอย่างตั้งใจ รับฟังว่าลูกรู้สึกอย่างไร ซึ่งสิ่งแรกของการเป็นกระจกสะท้อนอารมณ์ให้ลูกน้อยจึงเป็นการ รับฟัง
-
ให้เวลาและรอจังหวะในการพูดคุย
การให้เวลา ไม่ได้เป็นการกำหนดระยะเวลา แต่เป็นการสร้างพื้นที่เพื่อให้ลูกน้อยได้แสดงอารมณ์ออกมาก่อน ซึ่งในขณะนั้นผู้ปกครองต้องอยู่กับลูก เพื่อให้ลูกรู้ว่าเราอยู่ด้วยกันและไม่ทิ้งไปไหน หลังจากนั้นจังหวะในการพูดคุยสำคัญมาก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มสงบลง หันมามอง นั่นอาจจะเป็นสัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสามารถเข้าไปพูดคุยกับลูกได้
-
พูดคุยเพื่อสะท้อนอารมณ์
การพูดคุยเพื่อสะท้อนอารมณ์ ช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์ตัวเองก่อน เมื่อลูกเข้าใจอารมณ์ตัวเองแล้วก็สามารถกลับไปคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ลูกกำลังเล่นของเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เพื่อนทำของเล่นชิ้นโปรดของลูกพัง ลูกน้อยจึงโกรธมาก ตะโกนเสียงดังและเผลอไปผลักเพื่อน
เมื่อลูกแสดงอารมณ์ออกมา เราทำหน้าที่เป็นเหมือนกับกระจกที่สะท้อนอารมณ์ของเขาเพื่อให้เขาได้รับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการพูดคุยได้ดังนี้“แม่เห็นว่าเมื่อกี้ลูกกำลังโกรธมากเลยนะ”
“ลูกตะโกนเสียงดังแบบนี้แสดงว่าลูกกำลังโกรธอยู่นะคะ”
“แม่ฟังแล้ว ตอนนี้ลูกกำลังหงุดหงิดมากเลย”
ใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง เพื่อให้ลูกรับรู้ถึงความห่วงใยของเรา -
เข้าใจอย่างแท้จริง
การแสดงความเข้าใจสามารถทำได้ผ่านภาษากายและคำพูด เช่น การกอด การลูบหัว การพยักหน้า การบอกลูกว่า “แม่เข้าใจตอนนี้ลูกกำลังโกรธอยู่” “ลูกโกรธได้ ลูกเสียใจได้ แม่อยู่ตรงนี้กับลูกนะ” เพื่อสื่อให้ลูกรับรู้ว่า ลูกคือคนสำคัญและเราเข้าใจความรู้สึกของลูกอย่างแท้จริง
เมื่อเราใช้ เทคนิครับฟัง พูดคุย ผ่านกระจกสะท้อนอารมณ์ เพื่อช่วยให้ลูกน้อย
ค้นพบวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดของตัวเอง ช่วยในการเรียนรู้เรื่องอารมณ์
และฝึกทักษะความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ ได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ สถาบัน BrainFit ของเรามีคอร์ส Whole Brain Training ฝึกทักษะสมาธิ การจดจ่อ
และรวมไปถึงทักษะ ทางด้านอารมณ์ หากน้อง ๆ ได้ฝึกควบคู่กันไปก็จะเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
สมัครด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด
จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ และ อาทิตย์
02-656-9938 / 02-656-9939 / 02-656-9915
วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769