5 เทคนิคการเก่งอังกฤษ แบบก้าวกระโดด

หากคุณป็นคนหนึ่งที่มีความกังวล เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะกับตัวคุณเอง กับคนใกล้ชิด หรือกับบุตรหลานของคุณ

อยากที่จะฟัง พูด และสื่อสารได้อย่างมั่นใจ แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เริ่มต้นจากตรงไหน และเป็นผู้ที่เล็งเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษได้แล้วล่ะก็…

ทางสถาบัน BrainFit จึงได้นำ 5 เทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณเก่งอังกฤษแบบก้าวกระโดดมาฝากกันในวันนี้ ถ้าอยากรู้แล้วว่าคืออะไรก็อย่ารอช้า...

ไปอ่านกันต่อเลยดีกว่าค่ะ!

5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณเก่งอังกฤษอย่างก้าวกระโดด

1.ฟังให้มากเข้าไว้

หากคุณต้องการที่จะเก่งภาษา ไม่ว่าจะภาษาใดก็ตามบนโลกใบนี้ อย่าพลาดที่จะฟังเสียงของภาษาเหล่านั้นให้มากเข้าไว้ ยิ่งคุณฟังมากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถพูดภาษานั้น ๆ ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะการฟังภาษานั้น ๆ จะทำให้เราค่อย ๆ คุ้นชิน และซึมซับเสียง สำเนียง และการใช้งานของภาษานั้น ๆ ที่เราได้ฟัง

สิ่งนี้จะส่งผลให้เวลาที่เราได้ยินประโยค หรือคำเหล่านั้นจากสื่อต่าง ๆ หรือจากการสื่อสารกับผู้ที่เราพบเจอก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจคำ หรือประโยคเหล่านั้นได้อย่างแท้จริงนั่นเอง และเรายังสามารถเก็บเสียงที่เราได้ยินเหล่านี้ ไว้เป็นแม่พิมพ์ หรือต้นแบบเสียงเพื่อเลียนแบบ แล้วพูดมันออกมาได้ด้วยนั่นเอง

2. พูดออกมา

เมื่อฟังจนมากพอ ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องเริ่มพูดสิ่งที่ได้ยินออกมาบ้างแล้วล่ะค่ะ พูดแบบไม่ต้องกลัวผิด แค่พยายามเลียนแบบเสียง และสำเนียงของเจ้าของภาษาที่เราได้ฟังมาให้ได้มากที่สุด พูดซ้ำ ๆ จนกว่าเราจะสามารถพูดคำ หรือประโยคนั้น ๆ ได้

การพูดออกมาจะทำให้รูปปากเราคุ้นชิ้นกับการขยับ และเปล่งเสียงของภาษานั้น ๆ ออกมา เมื่อเราพูดบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เราพูดได้ไหลลื่น และคล่องแคล่วมากขึ้นนั่นเอง แถมการพูดยังช่วยให้เราจดจำคำ หรือประโยคภาษาอังกฤษนั้น ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

3. จำเป็นวลี หรือประโยค

การจำเป็นวลี หรือประโยคจะช่วยให้เราสามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง และตรงกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน หน้าที่ของเราก็เพียงแค่เปลี่ยนบางคำในประโยคนั้น ๆ เราก็สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และแม่นยำมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ การใช้วิธีการนี้ดีกว่าการที่เราใช้วิธีการท่องศัพท์ หรือจำเป็นคำ ๆ ไป

เพราะวิธีการท่องศัพท์ หรือจำเป็นคำ ๆ มีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า คำที่เราท่องไปนั้น มันเหมาะสำหรับการนำไปใช้ในสถานการณ์แบบไหน และเมื่อพูดไปแล้วจะสื่อสารได้ตรงตามความเข้าใจของตัวเอง และผู้อื่นไหม เพราะคำบางคำมีความหมายเหมือนกันก็จริง แต่อาจจะเหมาะสำหรับการนำไปใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันนั่นเองค่ะ

4. อ่านสื่อภาษาอังกฤษที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ

การอ่านสื่อภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่เราพบเจอจะช่วยทำให้เราเข้าใจโครงสร้าง และภาษาที่เอาไว้ใช้เขียนมากยิ่งขึ้น เพราะภาษาพูด กับภาษาเขียนนั้นจะมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ ถ้าเราขยันอ่าน ขยันทำความเข้าใจรูปประโยค และความหมายของสิ่งที่เราได้อ่านไป ก็จะช่วยให้เราให้เราสามารถเขียนได้ดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

5. ฝึกให้บ่อยเท่าที่จะเป็นไปได้

ทักษะภาษาเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และใช้เวลาในการที่จะทำให้มันติดตัวเราไปโดยตลอด แต่มันก็คุ้มค่าที่จะแลกมันมา ดังนั้น หากคุณต้องการเป็นบุคคลที่สามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาได้อย่างก้าวกระโดดแล้วล่ะก็ ฝึกฝนมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทำอย่างต่อเนื่อง

คุณอาจจะไม่ต้องให้เวลากับมันในคราวละมาก ๆ อย่าง 1-2 ชั่วโมง เพียงแค่คุณมีเวลาว่างสัก 5-15 นาทีต่อครั้งคุณก็สามารถฝึกฝนมันได้แล้ว เพียงแต่คุณต้องทำมันอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ วัน และทำให้บ่อยเท่าที่ใจคุณไหวแค่นั้นเอง

เมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี คุณอาจจะแทบไม่เชื่อกับผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับมันเลยก็ได้ค่ะ ว่าทำไมถึงมากมาย และพัฒนาไปได้ไกล และใช้เวลาน้อยกว่าที่คุณเรียนมาในโรงเรียนเป็น 10 ปีก็เป็นได้

เทคนิคเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่คุณเคยได้ยินกันมาบ่อยครั้งแต่อาจจะไม่เคยทำมัน หรือไม่ได้ทำมันอย่างจริงจัง แต่อยากจะบอกกับคุณว่าเพียงแค่คุณสละเวลาอย่างน้อยสัก 10-15 นาทีต่อวัน และลองทำมันอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้ภาษาอังกฤษของคุณ และคนที่คุณรักก็จะสามารถพัฒนาได้ไปอย่างก้าวกระโดดแล้วล่ะค่ะ เมื่อทักษะทางภาษาของคุณพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดแล้วล่ะก็ ภาษาอังกฤษก็จะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลของคุณอีกต่อไป

ที่ BrainFit เรามีโปรแกรมที่ช่วยพัฒนาสมอง และภาษาอังกฤษอย่าง Fast ForWord® และโปรแกรมที่ช่วยพัฒนาทักษะการอ่าน และภาษาอังกฤษอย่างโปรแกรม Reading Assistant Plus® ที่จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษคุณให้ดีขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด ฝึกเพียง 40-60 ชั่วโมงก็สามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้คุณได้เหมือนฝึกมาแล้ว 1-2 ปี