เปิดเรียน on site เตรียมรับมืออย่างไรดี
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียนหรือเจอเพื่อน ๆ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านกับครอบครัว และเรียนออนไลน์ แต่หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายการล็อคดาวน์ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12 ปี ขึ้นไป ทำให้โรงเรียนหลายแห่งเริ่มทยอยเปิดเรียน และพร้อมให้เด็ก ๆ กลับไปเรียน on site กันแล้ว
เรามาดูคำแนะนำดี ๆ เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ เตรียมตัวและเตรียมใจ ในการกลับไปโรงเรียนกันอีกครั้งกันค่ะ
1. วางแผนกิจวัตรประจำวันให้เด็ก
เมื่อเด็กต้องกลับไปโรงเรียน นั่นหมายความว่าเด็ก ๆ ก็ต้องกลับเข้าสู่กิจวัตรประจำวันและมีสิ่งที่เด็กต้องทำในแต่ละวันเพิ่มขึ้น พ่อแม่ควรจัดตารางกิจวัตรประจำวันให้เด็กทำตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสร้างนิสัย และรู้จักเวลา เพราะเด็ก ๆ จะไม่ได้อยู่บ้านทั้งวันอีกต่อไป พ่อแม่ควรเริ่มปรับเวลานอน เวลาตื่น กำหนดเวลาอาหารมื้อหลัก เวลาเล่น และเวลาทำการบ้านให้เหมาะสม เพื่อเด็กจะได้เรียนรู้และเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
2. สอนให้ลูกมองโลกในแง่ดี
เราทุกคนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิดที่ยังไม่หมดไป การฝึกให้เด็ก ๆ ลองมองโลกในแง่ดี หรือคิดบวก จะช่วยให้พวกเขากล้าเผชิญกับปัญหาหรือรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เช่น ลองชวนลูกคุยถึง ข้อดีของการได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง หนูจะได้กลับไปเจอเพื่อน ๆ เจอคุณครู ได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานมากขึ้น หรือสอนให้เข้าใจถึงข้อดีที่ลูกรู้จักวิธีปฏิบัติตัวเพื่อรับมือกับการเผชิญเชื้อโรคต่าง ๆ เป็นการเรียนรู้วิธีป้องกันตนเอง ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เพื่อป้องกันโรคอื่น ๆ ด้วย
3. ลดความกังวลให้ลูก
เชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พ่อแม่อาจจะยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยที่จะปล่อยให้ลูกกลับไปเรียน on site ความกังวลนี้อาจส่งผลต่อเด็กได้ หากเด็ก ๆ มีความกังวลที่จะกลับไปเรียนที่โรงเรียน พ่อแม่ควรพูดคุย คอยปลอบลูก และสอบถามความรู้สึกหรือให้คำปรึกษาว่าลูกรู้สึกอย่างไร เพื่อดูอารมณ์และความรู้สึกของลูก ว่าลูกมีความกังวลมากน้อยเพียงใด การฝึกให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ดีแก่ลูกในการปฏิบัติและข้อควรพึงระวังเพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโควิด-19 เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยฝึกจากที่บ้านได้ เพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นชินในการปฏิบัติตัวเมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เช่น สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ล้างมือบ่อย ๆ หรืออย่าใช้ของร่วมกับคนอื่น เป็นต้น
4. สอนให้ลูกฝึกความยืดหยุ่นทางคิด
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อพ่อแม่รู้จักการคิดและยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อาจมีการแปลี่ยนแปลงไปมาได้ตลอดเวลา ในขณะที่ทางภาครัฐมีการเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น เช่น หากโรงเรียนเปิดเรียนไปได้ 2 สัปดาห์ และอาจต้องปิดอีกครั้ง เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดขึ้น ทำให้เด็กต้องกลับมาเรียนออนไลน์อีกครั้ง สิ่งเหล่านี้อาจสร้างความสับสนให้แก่ทั้งเด็กและพ่อแม่ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ควรเตรียมพร้อมรับมือ และสร้างแนวคิดความยืดหยุ่นให้แก่ลูก ไม่แสดงอาการสับสน หงุดหงิด หรือโวยวายให้ลูกเห็น จนทำให้เด็กเกิดความตื่นกลัว กังวลหรือผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นพ่อแม่ควรสังเกตอาการของลูกและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กจะใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับช่วงเปลี่ยนผ่านเหล่านี้ ทางสถาบัน BrainFit ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกครอบครัวรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ นี้เหล่านี้ ให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นนะคะ
สถาบัน BrainFit เปิดรับสมัครเด็ก อายุ 3-18 ปี ให้สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกโดยตรงที่สถาบัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
ติดต่อเรา
02-656-9938 / 02-656-9939 / 091-774-3769
อ้างอิง: siamrath