เทคนิคป้องกัน การสูญเสียความรู้ช่วง ปิดเทอม
นี่ก็ใกล้จะถึงวันหยุดปิดเทอมกันอีกแล้ว เชื่อว่าเด็ก ๆ ทุกคนคงกำลังตั้งตารอคอยวันหยุดยาวแน่ ๆ สำหรับผู้ปกครองเองก็คงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับวันหยุดยาวเพื่อหากิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้ทำกัน
ช่วงปิดเทอมนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับหยุดพักผ่อนเพียงอย่างเดียว ตามงานวิจัยกล่าวไว้ว่า ควรเป็นช่วงเวลาที่ผู้ปกครอง ควรหากิจกรรมให้ลูก ๆ ทำ เพื่อที่ว่าเมื่อกลับเข้าสู่ช่วงเวลาเปิดเทอมแล้ว ลูก ๆ จะไม่หลงลืมหรือใช้เวลานานในการรื้อฟื้นเนื้อหาที่เคยเรียนมาแล้ว ผู้ปกครองจะป้องกันปัญหาการสูญเสียการเรียนรู้ช่วงวันหยุดยาวนี้ได้อย่างไร
การสูญเสียการเรียนรู้ช่วงวันหยุดยาวคืออะไร...
เมื่อนักเรียนกลับเข้าสู่ช่วงเวลาเปิดภาคเรียน ประสิทธิภาพในการเรียนของนักเรียนนั้นลดลง เรียนรู้ได้ช้า เนื่องจากเด็ก ๆ ได้หยุดหรือขาดการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้ช่วงวันหยุดยาวนั่นเอง
แล้วผลกระทบคืออะไร
จากการศึกษาพบว่า ในช่วงวันหยุดยาว นักเรียนโดยเฉลี่ยจะสูญเสียทักษะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ หายไปประมาณ 1 เดือน
-
การสูญเสียทักษะการเรียนรู้ จะพบมากในวิชาคณิตศาสตร์ เทียบเท่ากับหายไปราว ๆ 2.6 เดือนเลยทีเดียว
-
การสูญเสียทักษะการเรียนรู้ทางด้านการอ่าน หายไปราว ๆ 2 เดือน
-
เฉลี่ย นักเรียนจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ในการรื้อฟื้นบทเรียนให้กลับมาให้ทันการเรียนรู้เมื่อเปิดเทอมแล้ว
แต่ข่าวดีก็คือ ผู้ปกครองสามารถป้องกันการสูญเสียทักษะการเรียนรู้นี้ได้ เพียงใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในช่วงวันหยุดยาวหรือปิดเทอมใหญ่นี้
แล้วต้องทำอย่างไร
ผู้ปกครองสามารถวางแผนกิจกรรมเหล่านี้ให้ลูก ๆ ทำได้ในช่วงปิดเทอม
สอนให้รักการอ่าน
จากการศึกษาพบว่า การให้เด็กอ่านหนังสือ 4-5 เล่ม ในช่วงปิดเทอมจะช่วยสร้างพลังบวกในการเรียนรู้ได้ โดยให้เด็ก ๆ เลือกหนังสือที่ตนเองชื่นชอบ เพื่อสร้างความตื่นเต้น และสนุกสนาน แปลงให้การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมของที่บ้าน เพราะการอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่มความสามารถในการอ่าน การสะกดคำ แกรมม่า ให้แข็งแรงขึ้นด้วย และผู้ปกครองสามารถช่วยลูกเลือกประเภทของหนังสือให้มีความหลากหลาย และควรแนะแนวทางการเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับวัยของลูก โดยที่ผู้ปกครองเองก็สามารถหาหนังสือให้กับตนเองได้ด้วย เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างและใช้เวลาร่วมกันกับลูก (โปรแกรมฝึกอ่านภาษาอังกฤษ)
หากิจกรรมเล่น
การสูญเสียทักษะการเรียนรู้ช่วงปิดเทอม อาจไม่ใช่แค่ความรู้ด้านวิชาการเท่านั้น แต่ทักษะด้านการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายให้มีสุขภาพแข็งแรงก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งการรักษาและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นตามมาด้วย ผู้ปกครองควรพาลูก ๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ ที่ไม่ค่อยได้ทำ เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬากลางแจ้ง ว่ายน้ำ เดินเล่นสำรวจสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น อีกทั้งการเล่นกีฬา ยังเป็นการปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับเด็ก ๆ ได้อีกมากมาย เช่น รู้จักอดทนรอ มีน้ำใจ เป็นต้น
เสริมความรู้ผ่านเทคโนโลยี
ในยุคปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น การเรียนรู้และตามให้ทันเทคโนโลยีก็เป็นเรื่องสำคัญ ผู้ปกครองสามารถเลือกเกมที่เหมาะสมให้ลูกเล่นได้ โดยการจำกัดเวลาที่เหมาะสม และให้ลูกเลือกเล่นเกมที่ช่วยเสริมทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา Problem Solving ทักษะเชาว์ปัญญา การวางแผน เกมฝึกคิดเลข เกมฝึกภาษาอังกฤษ เกมด้านวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการเพิ่มพูนทักษะด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เพราะหากเลือกเกมที่ไม่เหมาะสมและไม่จำกัดเวลา ก็อาจส่งผลเสียต่อเรื่องสมาธิและการจัดการด้านอารมณ์ตามมาด้วย (เกมพัฒนาภาษาอังกฤษ)
สร้างสรรค์จินตนาการ
จากการศึกษาพบว่า การฝึกให้เด็กมีจินตนาการที่ดีนั้น จะช่วยเสริมสร้างทักษะด้านวิชาการและอารมณ์ให้ดีขึ้นด้วย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มทักษะด้านการคิดระดับสูงและพัฒนาการด้านอื่น ๆ ด้วย การฝึกทำกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านการสร้างจินตนาการให้เด็กนั้น จะส่งผลดีโดยตรงกับวิชาต่าง ๆ เช่น ศิลปะ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น การมีจินตนาการที่สร้างสรรค์เป็นการฝึกให้สมองรู้จักสร้างและเชื่อมโยงเส้นใยใหม่ ๆ ในสมองด้วย ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมให้เด็ก ๆ สร้างสรรค์จินตนาการด้วยตนเองจากกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ เช่น ฝึกให้ลูกเขียนบันทึกประจำวัน หาโปรเจคหรืองานคราฟออกแบบให้ลูกได้ลองทำ ตกแต่งหน้าเค้กหรือคุ้กกี้ด้วยตนเอง วาดรูประบายสีแต่งแต้มตามจินตนาการ
ให้ครอบครัวมีส่วนร่วม
การทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวนั้น เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในครอบครัว ผู้ปกครองควรจัดสรรเวลาเพื่ออยู่กับลูก ๆ โดยฝึกให้ลูกรู้จักการคิดบวก ส่งเสริมการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างสนุกสนาน และผ่อนคลาย เช่น เล่นบอร์ดเกมประเภท Scrabble, Cranium, และ card games ด้วยกันเพื่อเป็นการฝึกสมอง ดูทีวีประเภทการศึกษา สารคดี ที่เสริมสร้างความรู้รอบตัว เลือกสรรเมนูอาหารที่สามารถทำร่วมกันได้ โดยให้ลูก ๆ ได้ลองฝึกการวัด ตวง กะปริมาณส่วนผสมหรือเตรียมวัตถุดิบด้วยตนเอง
ออกสำรวจ
การออกเดินทางหรือเที่ยวด้วยกันนั้น เป็นอีกกิจกรรมที่ผู้ปกครองสามารถทำร่วมกันกับลูกได้ มีสถานที่ต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยลูกให้เกิดการเรียนรู้ได้ เช่น พิพิธภัณฑ์ การจัดแสดงวิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก สวนสัตว์หรือสถานที่แหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติที่ลูก ๆ สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ได้ สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งประวัติศาตร์และอารยธรรมต่าง ๆ
และนี่ก็เป็นวิธีง่าย ๆ สำหรับผู้ปกครองที่จะช่วยให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่ดีขึ้นได้ และป้องกันการสูญเสียการเรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ ในช่วงปิดเทอม ที่ BrainFit เราเล็งเห็นความสำคัญในการฝึกสมองและพัฒนาทักษะต่าง ๆ เหล่านี้ ในช่วงปิดเทอม
หากผู้ปกครองท่านใด ที่ไม่มีเวลาพาลูกทำกิจกรรมดังกล่าวในช่วงปิดเทอม ก็สามารถพาลูก ๆ มาฝึกที่ BrainFit ได้ เพราะที่ BrainFit เรามีคอร์สปิดเทอมที่พัฒนาครอบคลุมทุกทักษะเต็มรูปแบบ ทั้งพัฒนาการสมอง ร่างกาย ภาษาอังกฤษ สมาธิ และอารมณ์อีกด้วย ผู้ปกครองมั่นใจได้เลยว่า เด็ก ๆ จะไม่สูญเสียการเรียนรู้ช่วงปิดเทอมแน่นอน
? คอร์สปิดเทอม ปี 2566 เปิดรับสมัครแล้ว ?
ขอรับคำปรึกษาได้ฟรี
จันทร์ อังคาร พุธ และเสาร์อาทิตย์ โทร 02-656-9938
วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769
BrainFit เปิดโอกาสให้น้องๆ ทดลองเรียนฟรี
**สำรองที่นั่งล่วงหน้า ที่นั่งมีจำนวนจำกัด**
LINE: @brainfit_th
Site: oxfordlearning