การเลี้ยงดู 4 แบบ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก
นอกจากปัจจัยด้านพันธุกรรมแล้ว การอบรมเลี้ยงดูเป็นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อพัฒนาการ และการแสดงออกทางพฤติกรรมของเด็ก ๆ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น
เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่เปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมจะเรียนรู้ และซึมซับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวของพวกเขา ดังนั้นการอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครองทั้งหลายจึงเปรียบเสมือนการแต่งแต้มสีลงไปบนผ้าขาวผืนนั้น
หากผู้ปกครองต้องการให้เด็ก ๆ เติบโตมามีสีสันเป็นเช่นไร สวย และสง่างามมากแค่ไหน วิธีการหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ เป็นเช่นนั้นได้ ก็คือการเลี้ยงดูค่ะ
" เพราะการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน จะส่งผลลัพท์ที่แตกต่างกับตัวของเด็ก ๆ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น "
โดยในวันนี้ทางสถาบันได้นำเอาวิธีการเลี้ยงดูที่จะช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาโดยมีพัฒนาการ บุคลิกภาพ และวิธีการแสดงออกทางพฤติกรรมในแบบต่าง ๆ มาฝากถึง 4 แบบด้วยกัน
ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง? เลื่อนลงอ่านต่อได้ที่ด้านล่างนี้เลยค่ะ..
การเลี้ยงดู 4 แบบ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก
Diana Baumrind นักจิตวิทยาชาวอเมริกันได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมเด็ก และรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างยาวนาน โดยจากการศึกษานี้เธอได้แบ่งรูปแบบการอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครองที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กออกเป็น 4 แบบดังนี้
1.การอบรมเลี้ยงดูแบบเอาใจใส่ (Authoritative Parenting Style)
เป็นการเลี้ยงดูที่ผู้ปกครองเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองเรียนรู้ ได้ลองทดลองทำสิ่งต่าง ๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองโดยมีการวางกรอบ หรือกฎกติกากว้าง ๆ ให้เด็กทำตาม เพื่อให้ความคิด และการแสดงออกทางพฤติกรรมของพวกเขายังอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของสังคม
ผู้ปกครองที่มีการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ในรูปแบบนี้ มักจะมีความคาดหวังในตัวของเด็ก ๆ สูง แต่จะไม่เคร่งครัดกับเด็กจนมากเกินไป และจะมีการมอบความรัก ความห่วงใย รวมถึงให้การดูแลเอาใจใส่ต่อเด็ก ๆ ได้อย่างเหมาะสม
หากเด็กเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะส่งผลให้พวกเขากลายเป็นคนที่: มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง มองโลกในแง่ดี มีความสุข และสามารถควบคุมจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ เมื่อเจอปัญหา และอุปสรรคพวกเขาจะสามารถก้าวข้ามผ่านสิ่งเหล่านั้นได้ในท้ายที่สุด
2.การอบรมเลี้ยงดูแบบเข้มงวด (Authoritarian Parenting Style)
เป็นการเลี้ยงดูที่ผู้ปกครองมีความเข้มงวดต่อเด็กเป็นอย่างมาก มีการวางระบบ และกฎเกณฑ์ที่เด็กต้องทำตามอย่างชัดเจน และต้องการให้เด็ก ๆ ทำตามโดยไม่มีข้อแม้ และผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มนี้แทบจะไม่มีการอธิบายถึงเหตุผลให้เด็ก ๆ ฟังเลยว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงต้องทำตามกฎเกณฑ์เหล่านี้ ทำไปแล้วจะเกิดผลดีอะไรกับพวกเขาบ้าง หรือหากไม่ทำตามจะส่งผลเสียอะไรต่อตัวของพวกเขา
แต่ผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มนี้จะเลือกใช้วิธีดุ และว่ากล่าวเด็ก ๆ แทน หากพวกเขาไม่ยอมทำตามสิ่งที่ตัวเองวางไว้ การเลี้ยงดูแบบนี้เป็นการเลี้ยงดูที่มีข้อเรียกร้องต่อตัวเด็ก ๆ มากมาย แต่ตัวผู้ปกครองไม่ได้มีการถามไถ่ หรือให้ความสนใจต่อความรู้สึกนึกคิดของเด็ก ๆ สักเท่าไหร่
หากเด็กเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยสภาพแวดล้องเช่นนี้จะส่งผลให้พวกเขากลายเป็นคนที่: ว่านอนสอนง่าย แต่มีความก้าวร้าวซ้อนลึกอยู่ภายใน เป็นเด็กขี้อาย ขี้กลัว รวมถึงเป็นเด็กที่ปรับตัวได้ยากเมื่อต้องพบเจอสภาพแวดล้อม หรือสภาพสังคมใหม่ ๆ แถมเด็ก ๆ เหล่านี้จะมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ค่อนข้างสูง
3.การอบรมเลี้ยงดูแบบตามใจ (Permissive Parenting Style)
เป็นการเลี้ยงดูที่ผู้ปกครองที่ผู้ปกครองให้ความรัก และการสนับสนุนต่อตัวของเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก และจะไม่มีการกำหนดขอบเขตของการสนับสนุนต่อตัวเด็ก ๆ ผู้ปกครองในกลุ่มนี้จะพยายามหาทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกต้องการมาให้โดยไม่มีข้อแม้ เมื่อมีการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาก็ไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้นกับเด็ก ๆ ได้เนื่องจากความใจอ่อนของตัวเอง
หากเด็กเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้จะส่งผลให้พวกเขากลายเป็นคนที่: ไม่มีระเบียบวินัยในตัวเอง ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้จักการเสียสละ เพราะพวกเขาเคยเป็นแต่ผู้รับเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถอดทนรอคอยอะไรนาน ๆ ได้ มีการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ยาก
4.การอบรมเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย (Uninvolved Parenting Style)
เป็นการเลี้ยงดูที่ผู้ปกครองจะไม่ค่อยให้ความสนใจ ใส่ใจ หรือไม่ค่อยได้ตอบสนองต่อความต้องการของเด็ก ๆ เวลาที่เด็ก ๆ ต้องการพูดคุย หรือถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย ผู้ปกครองในกลุ่มนี้จะไม่ค่อยได้ให้ความสนใจในการพูดคุย และตอบข้อสงสัยเหล่านั้นของเด็ก เมื่อลูกมีพัฒนาการที่ยังไม่เหมาะสมกับช่วงวัย หรือมีพฤติกรรมบางอย่างที่ควรได้รับการแก้ไข ก็ไม่มีความสนใจที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขพฤติกรรมเหล่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และเสียเวลา
ผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มนี้จะค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่องของตัวเอง หรือให้ความสนใจกับการทำงานเป็นอย่างมาก และมักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังละเลยเด็ก ๆ อยู่
หากเด็กเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้จะส่งผลให้พวกเขากลายเป็นคนที่: มองโลกในแง่ร้าย เป็นคนเก็บกด อาจมีปัญหาด้านพัฒนาการ มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ไว้วางใจผู้อื่น และอาจเสี่ยงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะในอนาคตได้
และนี่ก็คือการเลี้ยงดูทั้ง 4 แบบที่เราได้นำมาฝากทุกท่านกันในวันนี้ หากคุณผู้ปกครองต้องการที่จะให้เด็ก ๆ เติบโตมาเป็นเช่นไร ควรมี หรือไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นไร ก็สามารถเลือกปรับวิธีการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมที่ทุกท่านคาดหวังให้เป็นในอนาคตได้เลยนะคะ ทางสถาบันก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อย
ที่ BrainFit เรามีบริการประเมินทั้งก่อนและหลังเรียน
จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ และ อาทิตย์ 02-656-9938 / 02-656-9939 / 02-656-9915
วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769
อ้างอิง: www.dltv.ac.th, aboutmom.co