คิด แบบเด็กยุคใหม่ คิด แบบ Logical Thinking

 

คิด แบบเด็กยุคใหม่ คิด แบบ Logical Thinking

 

 

"คิด Logical"

 

 

Logical Thinking หรือการฝึก คิด แบบเหตุและผล 

 

 

เป็นทักษะจำเป็นสำหรับเด็ก ๆ ซึ่งเป็นทักษะที่เกี่ยวกับการ คิด การเชื่อมโยงเหตุและผลเข้าด้วยกัน รู้ผิดรู้ถูก และรู้วิธีจัดการปัญหาได้ด้วย

ตัวเอง อย่างไรก็ตามเด็ก ๆ จะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝึกเสริมสร้างทักษะนี้ได้อย่างถูกวิธี

 

 

 

 

 

BrainFit ขอนำเสนอเรื่องทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการคิดเชื่อมโยงเหตุและผลเข้าด้วยกัน หรือเรียกว่า

 

 

ทฤษฎี 4 stages of Cognitive Development  ของ Piaget

 

 

ขั้นที่ 1 The Sensorimotor Stage: ประสาทการรับรู้และการเคลื่อนไหว (อายุ 0 – 2 ปี) 

ในขั้นนี้ เด็กพัฒนาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านประสบการณ์และการเคลื่อนไหว การมอง ได้ยิน ได้กลิ่น รับรส และสัมผัส เมื่ออายุ 4 เดือน เด็กก็จะเริ่มรับรู้สิ่งรอบตัวมากขึ้น และเมื่อโตขึ้นก็จะเริ่มเรียนรู้การตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าเด็กจะเริ่มเกิดความสงสัยในทุกสิ่ง แต่เด็กยังคงมุ่นเน้นเรื่องตัวเองอยู่ หรือเรียกได้ว่าเด็กมองโลกใบนี้แค่จากมุมมองของตัวเองเท่านั้น

 

 

ขั้นที่ 2 The Preoperational Stage: ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (อายุ 2 – 7 ปี) 

ในขั้นนี้เด็กจะเริ่มเรียนรู้ที่จะพูด เข้าใจคำศัพท์ รูปภาพ และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ผ่านท่าทาง และเป็นช่วงอายุที่เด็กเริ่มใช้จินตนาการ เช่น เล่นบทบาทสมมติ กำหนดบทบาทพ่อ แม่ ลูก และเป็นนักทดลองตัวจิ๋ว เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านจินตนาการได้มากขึ้น

 

 

ขั้นที่ 3 The Concrete Operational Stage: ขั้นปฏิบัติการคิดแบบเป็นรูปธรรม (อายุ 7 – 11 ปี) 

เด็กเริ่มพัฒนาความคิดแบบเป็นรูปธรรมขึ้นมาแล้ว เช่น การเรียงวัตถุในลำดับที่แน่นอน และคิดย้อนกลับไปกลับมาได้ เช่น 
หาก 3 + 5 = 8 และ 8 – 3 ก็จะต้องเท่ากับ 5 หรือการเทน้ำใส่แก้วทรงสูง และแก้วทรงกว้างเพื่อเปรียบเทียบปริมาณของน้ำ ซึ่งเป็นเพราะสมองเรียนรู้ที่จะจัดเรียงความคิดต่าง ๆ เพื่อจำแนกและสร้างความคิดแบบเป็นรูปธรรม ช่วยทำให้เด็กรู้จักตัวเองมากขึ้น รับรู้ เข้าใจความคิดและความรู้สึกของคนรอบข้างได้ดีมากขึ้น

 

 

ขั้นที่ 4 The Formal Operational Stage: ขั้นปฏิบัติการคิดแบบเป็นนามธรรม (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 

เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เด็กสามารถคิดอย่างมีเหตุและผลมากขึ้น เช่น อะไรคือความสำเร็จ อะไรคือความผิดพลาด และอะไรที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ เช่น ความรู้สึกรัก เกลียด หรือ ผลลัพธ์ของการกระทำต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้เด็กวางแผนและจัดลำดับความสำคัญแบบเป็นเหตุและผลได้มากขึ้น
 

อ้างอิงจากทฤษฎี 4 stages of Cognitive Development ของ Piaget พัฒนาการทางด้านการคิดหรือด้านสติปัญญาจะค่อย ๆ พัฒนาเพิ่มมากขึ้นจากประสบการณ์ การเคลื่อนไหว การลองผิดลองถูก และการทดลอง เพราะเด็ก ๆ เรียนรู้จากการลงมือทำด้วยตนเองเป็นหลัก เหมือนกับประโยคที่เราเคยได้ยินว่า “กล้าเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์” การคิดแบบเป็นเหตุและผลก็เช่นกันค่ะ

 

 

"คิด Logical Thinking"

 

 

 

✌แล้วเราควรเสริมทักษะคิดแบบเป็นเหตุและผล อย่างไรดีนะ✨

 

 

 

BrainFit มีเทคนิคดี ๆ สำหรับการ ฝึกคิด แบบ Logical Thinking หรือฝึกคิด แบบเป็นเหตุและผล มาฝากค่ะ

 

 

1. Open-ended question การถามคำถามปลายเปิด

การถามคำถามปลายเปิด เช่น “เพราะอะไรหนูถึงไม่อยากไปโรงเรียน” “อะไรที่ทำให้หนูรู้สึกกลัว” หรือ “วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมคะ” เป็นต้น

หลักสำคัญของการใช้คำถามปลายเปิด คือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่าเรื่อง ได้คิดเชื่อมโยงสิ่งที่เล่า และช่วยให้เด็กจัดระเบียบความคิดของตัวเองได้ดีมากขึ้น

 

 

2. Encourage Curiosity เปิดโอกาสให้สงสัย 

เด็กในวัย 3 - 7 ปี เริ่มมีความสงสัย อยากรู้อยากลองเพิ่มมากขึ้น จะมีคำถามที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองหลายคนได้ยินบ่อย ๆ คือคำว่า “ทำไม เพราะอะไร” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์และการสร้างจินตนาการของเด็ก ๆ เช่น ทำไมท้องฟ้าถึงมีสีฟ้า ทำไมไม่ให้นอนดึก ทำไมหนูต้องอาบน้ำ หรือหลากหลายคำถามที่เราอาจจะตอบยาก แต่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ เราสามารถเปิดโอกาสให้เด็กได้มีข้อสงสัยและหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง ผ่านการชวนมองค่ะ เช่น 

 

“ทำไมหนูต้องอาบน้ำ” ผู้ปกครองอาจจะถามกลับได้ว่า “หนูคิดว่าเพราะอะไรคะ หรือ หากหนูไปเล่นสนุกมา ตัวเปียกหมดเลย เหนียวตัวมาก ๆ หนูจะทำอย่างไรดี” เป็นการชี้ทางให้เด็กได้คิดและหาคำตอบด้วยตัวเอง และเด็กจะเข้าใจถึงความสำคัญและความเป็นเหตุและผลได้มากยิ่งขึ้นค่ะ

 

 

3. Encourage  Creative thinking เปิดโอกาสสำหรับความคิดสร้างสรรค์ 

เด็กทุกคนมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเอง เพราะเด็กจะค่อย ๆ เจอโลกที่กว้างขึ้น จากเด็กทารกที่อยู่ในท้องแม่ ออกมาสู่สภาพแวดล้อมข้างนอก เจอบ้าน โรงเรียน สนามเด็กเล่น ซึ่งประสบการณ์ที่เด็กได้เจอ สามารถเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กได้ทั้งหมด เช่น

 

คุณครูให้การบ้าน ให้น้องสร้างผลงานจากธรรมชาติ แต่น้องไม่รู้จะทำอะไรดี ในเย็นวันนั้นน้องเดินทางกลับบ้านพร้อมกับคุณแม่ น้องเล่าให้คุณแม่ฟังเรื่องการบ้านวันนี้ คุณแม่จึงชวนน้องไปสวนดอกไม้ข้างบ้าน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ น้องเจอใบไม้รูปร่างคล้ายหัวใจ น้องชอบมากเลยบอกคุณแม่ว่า “หนูอยากระบายสีใบไม้ให้สวย ๆ ทำยังไงดีคะคุณแม่” เมื่อเกิดคำถามหรือข้อสงสัย แสดงว่าเด็กเริ่มมีความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้น คุณแม่คอยซัพพอร์ตความคิดและต่อยอดความคิดของเด็กได้เลยค่ะ “น้องคิดว่าเราควรทำยังไงดีนะ” ให้เวลากับน้อง เพื่อให้น้องได้คิดและทดลองก่อน หรือให้ทางเลือกกับน้อง

เด็กจะเริ่มเข้าใจในเรื่องของเหตุที่เกิดขึ้น คือ การอยากระบายสีใบไม้ให้สวย ๆ หากเด็กมีประสบการณ์หรือกระบวนการคิดเชื่อมโยงที่แข็งแรง เด็ก ๆ จะเริ่มทำการทดลองหาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้าน อาจจะเป็นการใช้สีน้ำ การฝนสี หรือการวาดรูป เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างการคิดแบบเป็นเหตุและผลหรือ Logical Thinking ได้เป็นอย่างดี

 

 

4. Encourage Logical reasoning เปิดโอกาสให้หาเหตุและผล 

จากเทคนิคทั้ง 3 แบบข้างต้น เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทดลองคิด หาเหตุและผล รวมไปถึงการริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะมีกี่รูปแบบขึ้นอยู่กับกระบวนการที่เด็ก ๆ ได้ลองทำด้วยตัวเอง

 

 

5. Free Play เล่นบทบาทสมมติ 

การเล่นบทบาทสมมติจะช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ และเสริมสร้างความคิดแบบเป็นเหตุและผลได้ และผู้ปกครองสามารถเรียนรู้และเล่นบทบาทสมมติไปด้วยกันกับเด็ก ๆ อย่างเช่น การเล่นพ่อแม่ลูก เพื่อให้เด็กเข้าใจความรักที่เกิดขึ้น การสลับบทบาทกันของพ่อแม่ลูก ช่วยให้เด็กเข้าใจเหตุและผลของการกระทำได้มากขึ้น อาจจะไม่ทั้งหมดแต่ก็จะช่วยให้เด็กเห็นภาพที่กว้างขึ้นได้เช่นกัน หรือแม้กระทั่งการเล่นต่อสู้ที่เด็ก ๆ ชอบเล่นกัน เด็กจะเริ่มเชื่อมโยงเหตุและผลโดยการตั้งข้อสงสัย เพราะอะไรฮีโร่ถึงชนะ เพราะอะไรตัวร้ายถึงแพ้ หรือเพราะอะไรฮีโร่ถึงมีบาดแผล และหาคำตอบผ่านการเล่นบทบาทสมมติ และการเล่นบทบาทสมมติไปกับเด็ก ๆ มีทั้งเรื่องความสนุก การเรียนรู้เรื่องเหตุและผล การใช้เวลาด้วยกัน และสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ให้กับเด็กได้อีกด้วย

 

 

 

 

เทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกคิดแบบเป็นเหตุและผล เข้าใจข้อเท็จจริง กล้าแสดงความคิดเห็นแบบมีเหตุและผลรองรับ มีความมั่นใจ กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาดได้อย่างเหมาะสม และพัฒนาทักษะในการสื่อสารได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

 

และการฝึกคิดแบบเป็นเหตุและผลยังช่วยฝึกสมอง เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายสมองที่ดีอีกรูปแบบหนึ่งเลย ยังช่วยในเรื่องของวิชาคณิตศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ข้อมูล เสริมสร้างทักษะการอ่าน รวมไปถึงการฝึกพัฒนาสมาธิให้กับเด็ก ๆ ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
 

 

 

"ทดลองเรียน"

 

 

หากผู้ปกครองสนใจ ทาง BrainFit มีโปรแกรม BrainFit: Whole Brain Training เป็นการฝึกพัฒนาทักษะสมองทั้ง 5 ด้านซึ่งเป็นพื้นฐานทั้งในเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวัน

 

พัฒนาสมาธิ อย่างถูกวิธี เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

 

 

เพิ่มเพื่อน

LINE: @brainfit_th

 

จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ และ อาทิตย์  

02-656-9938 / 02-656-9939 02-656-9915

วันพฤหัสบดี-วันศุกร์  091-774-3769

 

 

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4