พัฒนาการเด็กด้านการพูด

พัฒนาการเด็กด้านการพูด

 

เพิ่มเพื่อน

 

พัฒนาการเด็กด้านการพูด ของลูกน้อยเป็นอย่างไร? คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยหรือเปล่าคะ? ลูกน้อยของเราควรเริ่มพูดตั้งแต่ตอนไหนหรือในช่วงวัยใด คำพูดอ้อแอ้ของลูกสื่อถึงอะไร แล้วเมื่อไหร่ลูกถึงจะพูดเป็นคำ ๆ ได้กันนะ 

ที่เราสงสัยก็เป็นเพราะการพูดคือหนึ่งสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต เพื่อติดต่อสื่อสาร สื่อความหมายกับผู้อื่น และเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับลูกน้อยของเรา 


วันนี้ BrainFit ขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับ พัฒนาการเด็กด้านการพูด มาดูกันว่าตามพัฒนาการเด็กแล้วนั้น ลูกน้อยมีพัฒนาการด้านการพูดเหมาะสมตามวัยหรือไม่ และมีวิธีใดที่จะช่วยพัฒนาทักษะนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลยค่ะ!


พัฒนาการด้านการพูดของเด็ก


ลูกน้อยวัย 0-3 เดือน
ในช่วงวัยแรกเกิดจนถึง 3 เดือน ลูกน้อยจะสามารถสื่อสารโดยการทำเสียงอ้อแอ้ ซึ่งจะแสดงออกในลักษณะที่ต่างกัน เช่น เมื่อรู้สึกหิว ไม่สบายตัว มีความสุข ตื่นเต้น เสียใจ ฯลฯ รวมไปถึงเสียงร้องไห้ที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ต่างกัน เช่น ร้องเพราะหิว ไม่สบายตัว หรือเจ็บปวด เป็นต้น 


ลูกน้อยวัย 4-6 เดือน
ในช่วงวัยนี้ลูกน้อยจะเริ่มหัวเราะมากขึ้น ส่งเสียงอ้อแอ้เพื่อสื่ออารมณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น และเริ่มออกเสียงที่ขึ้นต้นด้วย พ.พาน บ.ใบไม้ และ ม.ม้า ได้แต่ยังไม่ชัดมาก 


ลูกน้อยวัย 7-12 เดือน
ในช่วงวัยนี้ลูกน้อยจะสามารถส่งเสียงอ้อแอ้เพื่อเรียกร้องความสนใจมากขึ้น สามารถออกเสียงได้หลายพยางค์มากขึ้น เช่น ดาดา บีบี พูพู ฯลฯ แต่จะออกมาในแบบภาษาของตัวเองหรือภาษาเด็กนั่นเองค่ะ ลูกน้อยยังสามารถเลียนแบบเสียงในโทนสูงต่ำได้ และมีท่าทางเวลาสื่อสารมากขึ้นเช่น โบกมือ กอดแขน ทั้งนี้ลูกน้อยอาจเริ่มพูดเป็นคำได้ 1-2 คำเช่น ดาดา มามา หรือ พ่อ แม่ เป็นต้น


ลูกน้อยวัย 1-2 ขวบ
ในช่วงวัยนี้ลูกจะรู้จักคำศัพท์มากขึ้น เช่น อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเริ่มพูดได้เป็นคำ ๆ มากขึ้น เช่น เอาอีก กินข้าว บ๊ายบาย ฯลฯ ทั้งยังสามารถถามคำถามสั้น ๆ ได้ เช่น ไปไหน? อะไร? แม่ ไหน? (แม่อยู่ไหน?) เป็นต้น 


ลูกน้อยวัย 2-3 ขวบ
ในช่วงวัยนี้ลูกจะพูดและสื่อสารได้ดีขึ้น สามารถออกเสียงคำที่ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ ค.ควาย ด.เด็ก ท.ทหาร และฟ.ฟัน ได้ดีขึ้น สามารถพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ในการถามหรือแสดงความต้องการ เช่น พ่ออยู่ไหน แม่ทำอะไร กินข้าว นี่อะไร ฯลฯ ทั้งยังรู้จักคำศัพท์หลากหลายมากขึ้น สามารถพูดเจาะจงถึงสิ่งที่ต้องการได้ เช่น เอาขวดสีแดง รถเหลืองอยู่ไหน? เป็นต้น 


ลูกน้อยวัย 3-4 ขวบ
ในวัยนี้ลูกจะสามารถถามและตอบคำถาม ใคร? อะไร? ที่ไหน? เป็นประโยคได้ และเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เช่น เรื่องที่โรงเรียน เรื่องอาหาร หรือเรื่องที่เล่นกับเพื่อน เช่น วันนี้เรียนพละสนุกมาก ได้เล่นไล่จับกับเพื่อน หนูวิ่งหลายรอบเลย เป็นต้น 


ลูกน้อยวัย 4-5 ขวบ
ในช่วงวัยนี้ลูกจะสามารถออกเสียง ร.เรือ ล.ลิง ส.เสือ ว.แหวน ช.ช้าง ซ.โซ่ ได้อย่างชัดเจน สามารถเล่าเรื่องและอธิบายรายละเอียดได้มากขึ้น เช่น หนูเล่นชิงช้ากับเพื่อน แล้วหนูลอยขึ้นบนฟ้าสูงมาก ตอนลอยหนูเห็นตึกสูง ๆ ด้วย เป็นต้น เข้าสังคมได้มากขึ้น สามารถพูดกับเด็กหรือผู้ใหญ่คนอื่นได้ดี สามารถถามหรือตอบคำถามได้เป็นประโยคและอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ รู้จักตัวเลขและตัวอักษร และเวลาพูดจะมีน้ำเสียงและโทนเสียงสูงต่ำชัดเจน

 

 

จากพัฒนาการด้านการพูดข้างต้น เห็นได้ว่าลูกน้อยจะเริ่มการสื่อสารจากการส่งเสียงอ้อแอ้ ตามมาด้วยคำ และไปจนถึงประโยค ทักษะการพูดจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามช่วงวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

แล้วถ้าเราอยากพัฒนาทักษะการพูดของลูกให้ดีขึ้นล่ะ จะมีวิธีช่วยได้หรือไม่? 
ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะ BrainFit มีวิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะนี้มาฝากคุณพ่อคุณแม่แน่นอน ไม่รอช้า ไปดูกันเลยดีกว่า!


1. คุยกับลูกเหมือนผู้ใหญ่
พ่อแม่อย่างเรามักจะพูดคุยกับลูกด้วยภาษาเด็ก ลักษณะคือ มีน้ำเสียงสูงต่ำ มีท่าทางประกอบ ทำให้ลูกสนใจและพูดคุยกับเราได้ การพูดแบบนี้เหมาะกับลูกในวัยแรกเกิดจนถึง 3 ขวบ เพราะเป็นช่วงแรกในการเรียนรู้ภาษา การฟัง และการพูด แต่หากลูกเริ่มฟังเข้าใจแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรจะพูดกับลูกด้วยภาษาของผู้ใหญ่ที่ไม่ซับซ้อน แบบนี้จะทำให้ พัฒนาการด้านการพูด ของลูกพัฒนาได้เร็วมากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้ลูกมากขึ้นอีกด้วย

เพราะการพูดภาษาแบบเด็ก ๆ เรามักจะพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา เช่น หม่ำ ๆ อ้ำ ๆ ทำให้การเรียนรู้คำศัพท์ของลูกจำกัดนั่นเอง ดังนั้นหากลูก 3 ขวบแล้ว ลองหันมาพูดแบบผู้ใหญ่กับลูกดูนะคะ เชื่อได้เลยว่า ลูกน้อยของเราจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ได้มากมายเลยล่ะค่ะ


2. ถามกลับให้ลูกเล่าหรืออธิบายมากขึ้น
บางครั้งลูกก็มีข้อสงสัย หรือสิ่งที่อยากรู้อยากเห็นมากมาย แต่แทนที่เราจะตอบลูกอย่างเดียว ลองถามลูกกลับให้ลูกลองอธิบายตามจินตนาการของตัวเอง หรือหากลูกไม่ได้สงสัยอะไร เราก็สามารถถามเรื่องทั่วไปกับลูกได้ เช่น วันนี้ไปโรงเรียนสนุกไหม? ได้ทำอะไรบ้าง? หรืออาจจะถามในเรื่องที่ลูกกำลังสนใจเช่น การเต้น การร้องเพลง การวาดรูประบายสี ฯลฯ ปล่อยให้ลูกเล่าออกมาอย่างเต็มที่ แล้วเราอาจจะถามรายละเอียดในเรื่องนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ การทำเช่นนี้ จะเป็นการดึงคำศัพท์ที่ลูกรู้ออกมาใช้ หากมีคำไหนที่ลูกพูดผิดหรือเรียงผิด คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถช่วยปรับแก้ให้ลูกได้ แบบนี้จะทำให้ลูกได้เรียนรู้วิธีการพูดได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ


3. อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
นอกจากการสื่อสารด้วยการพูดคุยแล้ว การอ่านหนังสือเช่น การเล่านิทาน ให้ลูกฟังก็เป็นอีกทางที่จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และพัฒนาทักษะการพูดให้ลูกได้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้ลูกเลือกนิทานที่อยากฟัง เมื่อเล่าจนจบแล้วลองถามคำถามให้ลูกตอบเกี่ยวกับเรื่องราวในนิทาน แบบนี้เราจะได้เห็นด้วยว่าลูกเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดไหม และได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องบ้าง นอกจากคำศัพท์แล้ว ลูกน้อยยังได้เรียนรู้ถึงสังคมและการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น เช่น นิทานเกี่ยวกับการแปรงฟัน การไปหาหมอ การข้ามถนน การแบ่งปัน การช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ และที่สำคัญการอ่านนิทานให้ลูกยังช่วยสานสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วยนะคะ


วิธีพัฒนาทักษะการพูดข้างต้นนี้เหมาะกับลูกที่เริ่มสื่อสารกับเราเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว ในช่วงวัยตั้งแต่ 2-3 ขวบขึ้นไป จะช่วยให้ลูกน้อยของเราได้เรียนรู้วิธีการพูดคุยสื่อสารและเพิ่มคลังคำศัพท์ได้หลายพันคำเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็มีข้อพึงระวังนะคะ คือการให้ลูกดูทีวีหรือเล่นมือถือ เพราะการดูทีวีหรือคลิปวิดีโอ เป็นการสื่อสารทางเดียวที่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ตอบโต้กลับ ลูกจะได้แค่ฟังและจำคำจากในทีวีมาพูด แต่จะไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าสิ่งที่พูดคืออะไร มีความหมายอย่างไร และนำมาใช้จริงได้อย่างไร

ดังนั้นการควบคุมและดูแลเรื่องการดูทีวีของลูกน้อยในวัยเด็กเล็กเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะช่วยให้ พัฒนาการด้านการพูดของลูกน้อยพัฒนาได้อย่างสมวัยและมีคุณภาพ


BrainFit หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ช่วยให้ลูกน้อยของเรามีทักษะการพูดและมี พัฒนาการเด็กด้านการพูด ที่ดีและสมวัยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหมวดหมู่เรื่อง พัฒนาการของลูกน้อย ด้านต่อไปกันนะคะ ขอบคุณค่ะ 

ที่ BrainFit เรามีคอร์สพัฒนาทักษะสมองพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ทั้ง 5 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการฟัง การมอง สมาธิ อารมณ์และทักษะการเข้าสังคม และด้านการเคลื่อนไหว ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ มีทักษะสำคัญทั้ง 5 ด้านที่แข็งแรง เรียนรู้สิ่งใหม่ได้รวดเร็วมากขึ้น ทำให้ลูกรักของเรามีทักษะ ความสามารถหลากหลาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต

 

เราช่วยพัฒนาสมาธิ ทำให้เด็กเรียนรู้ได้ไว

เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

 

BrainFit รับสมัครน้องๆ อายุตั้งแต่ 3-18  ปี

รับคำปรึกษาจากเรา ได้แล้ววันนี้ ฟรี!!

ที่ 02-656-9938 / 02-656-9915 / 091-774-3769

LINE@brainfit_th

เพิ่มเพื่อน

 

แหล่งอ้างอิง
https://kidshealth.org/en/parents/not-talk.html
https://www.nidcd.nih.gov/health/speech-and-language

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4