ลูกไม่ชอบออกกำลังกาย ทำอย่างไรดี?

ลูกไม่ชอบ ออกกำลังกาย ทำอย่างไรดี?

 

ทำอย่างไรดีล่ะ? เมื่อลูกของเราไม่ชอบออกกำลังกาย หรือไม่ชอบเล่นกีฬาเลย แน่นอนว่าปัญหานี้ทำให้คุณพ่อคุณแม่อย่างเรากังวลและเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการออกกำลังกายและเล่นกีฬานั้นสำคัญกับเด็ก ๆ ทั้งส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตตามวัยของลูก แล้วจะทำอย่างไรให้ลูกหันมาออกกำลังกายและชอบเล่นกีฬามากขึ้นดีนะ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ BrainFit มีวิธีที่จะช่วยเหลือ เพื่อให้ลูกของเราหันมาออกกำลังกายมากขึ้นมาฝาก ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ!

 

 

1. เพราะอะไร ลูกถึงไม่ชอบออกกำลังกาย

ก่อนจะเริ่มผลักดันให้ลูกหันมาออกกำลังกาย ลองถามลูกก่อนว่า เพราะอะไรกันนะ ลูกถึงไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะบางครั้งเหตุผลของการไม่ชอบออกกำลังกายอาจมากกว่า เพราะ เหนื่อย ไม่ชอบให้เหงื่อออก หรืออยากเล่นเกมมากกว่า บางทีอาจมีเหตุผลมากกว่านั้นเช่น เคยถูกเพื่อนแกล้ง เคยแข่งกีฬาแพ้จนรู้สึกฝังใจ หรือมีอาการหายใจลำบากเวลาเหนื่อย เป็นต้น เพื่อเราจะได้เข้าใจลูกอย่างแท้จริง ช่วยลูกแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และทำให้ลูกคลายความกังวลใจลงไปได้นั่นเอง  

 

 

2. การออกกำลังกาย เด็กบางคนมองว่ายาก

เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การออกกำลังกายสำหรับเด็กบางคนนั้น อาจเป็นเรื่องยาก เพราะถ้าเป็นผู้ใหญ่เราสามารถออกกำลังกายด้วยการออกไปวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำสัก 30 นาทีเพื่อเผาผลาญไขมัน แต่สำหรับเด็กนั้นจะให้ไปวิ่งบนลู่ ว่ายน้ำ เพื่อออกกำลังกายคงเป็นเรื่องยาก เพราะในมุมมองของเด็ก มันดูไม่น่าสนุกเอาเสียเลย บางครั้งเด็กยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าการออกกำลังกายคืออะไร ดังนั้นการจะให้ลูกออกกำลังกายให้เหมือนกับผู้ใหญ่คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่นัก

 

สิ่งที่เราสามารถช่วยได้โดยไม่ต้องบังคับให้ลูกออกไปวิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพียงแค่ลองเริ่มต้นจากการหาเกมสนุก ๆ ทำด้วยกันที่บ้าน ให้คุณพ่อคุณแม่มีส่วนร่วมในการขยับร่างกายไปกับลูกด้วย เช่น วิ่งไล่จับ แปะแข็ง แชร์บอล กระต่ายขาเดียว ฯลฯ การเริ่มต้นเช่นนี้จะทำให้ลูกสนุกกับการเล่นโดยที่ไม่รู้สึกว่ากำลังออกกำลังกายอยู่ เมื่อลูกเริ่มสนุกกับการได้ทำกิจกรรมหรือเล่นเกมแล้ว ก็ลองให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนในช่วงวัยเดียวกัน ลูกจะยิ่งสนุกและเพลิดเพลินมากขึ้น อีกทั้งยังได้ฝึกทักษะการเข้าสังคมอีกด้วยนะคะ 

 

 

3. ตามหากีฬาที่ลูกชอบ

บางครั้งลูกอาจมีเหตุผลที่ไม่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบางอย่าง เช่น ชอบเล่นกีฬาประเภทเดี่ยวมากกว่ากลุ่ม ไม่ชอบกีฬาที่ต้องแข่งขัน หรือไม่ชอบกีฬากลางแจ้ง ดังนั้นเพื่อให้ลูกได้ออกกำลังกายมากขึ้น ลองถามลูกว่าอยากลองเล่นกีฬาอะไร ชอบแบบไหน ให้ลูกได้ตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง แล้วสนับสนุนลูกให้เต็มที่ จะยิ่งดีมากถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มเรียนรู้และออกกำลังกายไปพร้อมกับลูก จะยิ่งทำให้เราเข้าใจถึงกีฬานั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร เล่นแล้วรู้สึกอย่างไร และสามารถพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับกีฬานั้น ๆ ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเตรียมใจหน่อยนะคะ เพราะเด็กในช่วงวัยประถมจะมีสิ่งสนใจหลายอย่าง ดังนั้นลูกอาจเปลี่ยนใจ ล้มเลิก หรืออยากลองกีฬาใหม่ ๆ บ่อยอยู่บ้าง แต่ถ้าหากเราเจอสิ่งที่ลูกชอบแล้ว เชื่อได้เลยว่าลูกจะอยู่กับสิ่งนั้นได้นานเลยล่ะค่ะ 

 

 

4. สร้างสถานการณ์ เพื่อให้ลูกขยับตัวมากขึ้น

หากลูกยังคงไม่รู้ว่าตัวเองอยากเล่นกีฬาอะไร หรือชอบอะไร ระหว่างการคิดและตัดสินใจ เราสามารถทำให้ลูกของเราออกกำลังกายมากขึ้นโดยที่ลูกไม่รู้ตัวได้นะคะ เช่น เวลาจอดรถเลือกที่จอดไกลสักหน่อยเพื่อให้ลูกได้เดินมากขึ้น ใช้บันไดแทนลิฟต์  หรือถ้าลูกชอบสัตว์ ก็สามารถพาลูกไปเดินที่สวนสัตว์ หรือเพียงแค่ให้ลูกพาสุนัขออกมาเดินนอกบ้าน เพียงเท่านี้ลูกก็ได้ออกกำลังกายมากขึ้นแล้วค่ะ ลองพยายามสร้างสถานการณ์ หากิจกรรมหรือสิ่งที่ลูกชอบมาปรับใช้ เพื่อให้ลูกได้ขยับร่างกายมากขึ้น ค่อย ๆ เริ่มทำไปเรื่อย ๆ ให้บ่อยขึ้นและกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันนะคะ เพียงเท่านี้ลูกก็เหมือนได้ออกกำลังกายและได้ขยับร่างกายมากขึ้นโดยที่ลูกไม่รู้ตัวนั่นเองค่ะ

 

 

5. เพิ่มกิจกรรมการออกกำลังกายในครอบครัว

จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถให้ลูกออกกำลังกายและสนุกไปกับการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวไปด้วย ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เราต้องอยู่บ้านมากขึ้น ดังนั้นเรามาปรับให้บ้านกลายเป็นสถานที่ออกกำลังกายกับลูกเลยดีกว่า 

 

หากที่บ้านพอมีพื่นที่ก็สามารถเล่นกีฬาได้หลากหลายเลยค่ะ เช่นฟุตบอล วิ่งไล่จับ เกมโยนลูกบอล หรือถ้าอยากสนุกไปกับอากาศร้อน ๆ ช่วงนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจเติมน้ำลงในสระเป่าลม ใส่ลูกบอล หรือของเล่นให้ลูกได้เล่นที่บ้านก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะคะ

 

แต่ถ้าที่บ้านมีพื้นที่ไม่มาก อาจลองหาแทรมโพลีนขนาดเล็กมากให้ลูกกระโดดเล่นก็ได้นะคะ หรือจะกระโดดไปด้วย โยนลูกบอลไปด้วยให้ลงตะกร้า เล่นด้วยกันเป็นทีมยิ่งสนุกเลยล่ะค่ะ เด็ก ๆ จะได้ฝึกทักษะการกะระยะ การประมาณแรงของตัวเอง พร้อมกับได้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปด้วย หรือจะลองเอาขวดน้ำมาเรียงกัน แล้วเอาลูกบอลมาโยนเป็นโบว์ลิ่งก็น่าสนุกเหมือนกันค่ะ ลองหากิจกรรมสนุก ๆ ทำด้วยกันที่บ้านดูนะคะ ทั้งได้ออกกำลังกายและได้สานสัมพันธ์กันมากขึ้นด้วย

 

 

6. เป็นตัวอย่างที่ดีในการออกกำลังกาย

พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็จะเป็นอย่างนั้น หากลูกเห็นเราออกกำลังกายบ่อย ๆ แน่นอนว่าลูกจะทำตามและเลียนแบบพฤติกรรมของเราอย่างแน่นอน ดังนั้นในเมื่อลูกไม่ยอมออกกำลังกายเสียที คงต้องถึงมือคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะ มาเริ่มออกกำลังกายให้ลูกได้เห็นไปเลย พร้อมทั้งคอยพูดปลูกฝังและแสดงให้ลูกเห็นว่า เมื่อออกกำลังกายแล้วมันดีต่อสุขภาพอย่างไร ดูจากพ่อและแม่เป็นตัวอย่างได้เลย เมื่อลูกเห็นว่าพ่อแม่ทำแล้วดี ทำแล้วได้ประโยชน์ และที่สำคัญทำแล้วสนุก ลูกเองก็จะรู้สึกอยากทำและอยากมีส่วนร่วมด้วยแน่นอนค่ะ

 

 

ครบแล้วค่ะกับทั้ง 6 ข้อที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกของเรา ชอบออกกำลังกายหรืออยากเล่นกีฬามากขึ้น เริ่มจากการทำความเข้าใจก่อนว่าลูกของเราไม่ชอบเล่นกีฬาเพราะอะไร ลูกอาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพ หรืออาจเป็นเพราะเคยเจอเรื่องไม่ดีเลยรู้สึกไม่ชอบ หลังจากนั้นเราลองมาหาดูว่า แล้วลูกมีกีฬาหรือกิจกรรมที่อยากทำอยู่ในใจหรือเปล่า พูดคุยและทำความเข้าใจลูกให้มากขึ้น พร้อมทั้งคอยสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ มากไปกว่านั้นหากคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีในการออกกำลังกายให้ลูกเห็น หรือหากิจกรรมสนุก ๆ มาทำร่วมกับกับลูกที่บ้านได้ จะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกสนุกและอยากออกกำลังกายมากขึ้นนั่นเองค่ะ เพราะเมื่อลูกได้ทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกับคุณพ่อคุณแม่และครอบครัว สิ่งนี้จะค่อย ๆ ปลูกฝังจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน และทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ชอบออกกำลังกายไปในที่สุด 

 

หวังว่าเทคนิคทั้ง 6 ข้อจาก BrainFit จะมีประโยชน์กันคุณพ่อคุณแม่และลูก ๆ ทุกคนนะคะ มาออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของลูก ๆ และพวกเราทุกคนกันนะคะ  

 

และหากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหน ต้องการที่จะส่งเสริมให้ลูกรักออกกำลังกายเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการไหน หรือกิจกรรมไหนดี ทางสถาบัน BrainFit ของเสนอ คอร์สพัฒนาสมองรอบด้านที่มีชื่อว่า BrainFit Scholar ที่จะช่วยพัฒนาทักษะสมองที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ทั้ง 5 ด้านให้กับเด็กๆ ผ่านรูปแบบกิจกรรมที่มีความหลากหลาย ได้ขยับร่างกายในอริยาบทต่างๆอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าหากเด็กๆฝึกด้วยหลักสูตรนี้แล้ว ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแรงขึ้นได้อย่างแน่นอน

 

      ​

-----------------------------------------

BrainFit รับสมัครน้องๆ อายุตั้งแต่ 3-18 ปี

รับคำปรึกษาจากเรา ได้แล้ววันนี้ ฟรี!

ที่ 02-656-9938 02-656-9915 / 091-774-3769

LINE: @brainfit_th

 

 

 

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4