"วิธีช่วยให้เด็กๆผ่านพ้นช่วงปิดเมืองและกักตัว"

 

"วิธีช่วยให้เด็ก ๆ ผ่านพ้นช่วงปิดเมือง และกักตัว"

            โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถทำให้สถานการณ์สงบลงได้และป้องกันให้เกิดภาวะปกติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ โดยที่ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ความเสี่ยงมันสูงมากและเราต้องการให้เด็ก ๆ นำคำเตือนต่าง ๆ ไปใช้อย่างจริงจัง อย่างที่ผู้ปกครองทราบกันดี มันไม่ง่ายเลยที่จะให้พวกเขาล้างมือและไม่สัมผัสใบหน้าโดยตรง แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เราจะทำให้สถานการณ์เหล่านี้ง่ายขึ้นและทำให้พวกเขายอมให้ความร่วมมือในช่วงช่วงปิดเมืองและกักตัว 

         เด็ก ๆ มักได้การปลอบประโลมโดยการสัมผัส การสัมผัสจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง และทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย ดังนั้นเราสามารถคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาจะชอบการสัมผัสมากขึ้นและต้องการแสดงออกถึงความรักในเวลาที่เขารู้สึกไม่มั่นคง แต่ถ้าหากผู้ปกครองมีอาการไอและไม่สามารถเข้าใกล้เด็ก ๆ ได้ นี่จะเรื่องยากที่จะรับมือสำหรับพวกเขา

 

             ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะเพิ่มการสัมผัสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่งเสริมความรักที่ปลอดภัยในการแสดงออกและเพิ่มเติมความรักด้วยความไร้กังวลจากการกอดที่แสนจะอบอุ่นจากคนที่รัก ถ้าไม่สามารถสัมผัสได้ คุณอาจจะให้รางวัลกับพวกเขาเมื่อพวกเขาต้องการการแสดงออกถึงความรักจากการสัมผัส สามารถทำได้โดยการกอดอย่างจริงใจหรือ "การสะสม" ไว้ในขวดโหลพิเศษด้วย “Homemade tokens”

             

             ในระหว่างนั้นสามารถถามพวกเขาได้ว่าพอจะมีทางไหนที่จะทำให้รู้สึกดีได้บ้าง เด็ก ๆ มีความพิเศษและมีความสร้างสรรค์ ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่ต้องพยายามพูดคุยอย่างเปิดเผย แม้ว่าไม่มีคำตอบที่ง่าย พวกเขาจะได้ยินในสิ่งที่คุณพยายามเตือนพวกเขาในท่ามกลางวิกฤต ระวังว่าเด็ก ๆ และเด็กวัยรุ่นจะได้ยินข่าวจาก Broadcasts หรือบทสนทนาของผู้ปกครอง พวกเขารับรู้ได้ว่าเรากำลังกังวล และพวกเขาอาจจะไปได้ยินเรื่องราวการเสียชีวิตในช่วงเวลาไม่ปกติ

            

             ถ้าพวกเขามีคำถามเกี่ยวกับการระบาด การตอบตามตรงจะวิธีที่ดีที่สุด คุณสามารถตอบได้ว่า “คนบางคนก็เสียชีวิต แต่ยังไม่มีเด็กคนไหนเสียชีวิต ล้างมือและอยู่บ้านจะช่วยให้เราปลอดภัย” การชักจูงความสนใจของพวกเขาเป็นทางเลือกที่ทรงพลังมาก คุณอาจจะใช้เกมส์ การทำอาหาร นิทาน และบทสนทนาที่เบี่ยงเบนความสนใจจากบทสนทนาที่น่ากลัวของไวรัส

            

ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน

             จำไว้ว่าการรับรู้เวลาของเด็กจะต่างกับผู้ใหญ่ เด็กจะรู้สึกว่าวันเวลาจะยาวนานกว่า ถ้าหากมีการแยกตัว ให้ทำการนับถอยหลังถึงวันที่คุณสามารถออกมาข้างนอกได้แล้วให้เด็ก ๆ ทำเครื่องหมายถูกลงบนแผ่นชาร์ทและต้องแน่ใจด้วยว่าทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของเด็ก ๆ มักจะถูกคั่นด้วยเวลาที่โรงเรียน บ้าน มื้ออาหาร และเวลานอน อย่าปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ลอยหายไป พยายามรักษาตารางกิจกรรมในแต่ละวันเอาไว้ รวมไปถึงการอ่านหนังสือ การทำคณิตศาสตร์ และเรียนรู้จากคนที่เคยมีประสบการณ์ในแหล่งชุมชนการเรียนรู้ที่บ้าน

            

             ใช้เทคโนโลยีช่วยในการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องของเด็ก ๆ และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอบขนม ศิลปะ และสวน เวลาซึ่งเปรียบเสมือนประตูไปสู่วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและศิลปะสร้างสรรค์ จูงใจพวกเขาด้วยสังคมศาสตร์ที่เกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การจัดลำดับความสำคัญและความเชื่อ สังเกตคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างมากในประเทศจีนและอิตาลี บทสนทนานี้สามารถสื่อได้ถึงเรื่องราวแห่งความหวังและความสามารถในการกลับสู่สภาพเดิม เราสามารถนำเสนออีกโลกหนึ่งได้ขณะที่เรากำลังอยู่บนโลกใบเดิม

            

              นี่ก็เป็นความคิดที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่จะใช้ประโยชน์จาก ตุ๊กตาหมีหรือของเล่นชิ้นโปรดของเด็ก ๆ ที่จะผ่อนคลายกฎของคุณที่มีต่อพวกเขา ของเหล่านี้มีที่พิเศษในวัยเด็ก เพราะการแสดงออกสามารถส่งผ่านวัตถุ ช่วยให้เราลดช่องว่างระหว่างตัวเรากับเด็กที่เราดูแลอยู่ ท้ายที่สุดแล้วของเหล่านั้นจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกปลอดภัย บางทีของเล่นเริ่มมีกลิ่นหรือสัมผัสไม่น่าจับสำหรับเราแต่ว่าสำหรับเด็ก เขาก็จะรักของเขา และเมื่อพูดถึงสุขอนามัย อย่าลืมว่าเด็ก ๆ รักในการเล่น เปลี่ยนการล้างมือไปเป็นสัตว์ประหลาดหรือการแข่งการล้างมือ เปลี่ยนสีหรือกลิ่นของสบู่ เชิญชวนให้มาเล่นที่อ่างล้างมือ ร้องเพลงสัก 20 วินาทีและทำไปพร้อม ๆ กัน

            

               คำแนะนำสุดท้ายสำหรับการไปออกกำลังกายข้างนอกโดยรักษาระยะห่าง นี่เป็นประโยชน์มหาศาลในการช่วยให้เด็ก ๆ ยังคงออกไปเล่นและอยู่อย่างแข็งแรง ให้ลองคิดถึงในช่วงเวลาปกติของเด็ก ๆ ที่มีพื้นที่ให้ขยับร่างกาย เช่น เดินไปโรงเรียน พักกลางวัน เรียนพละ หรือกิจกรรมหลังเลิกเรียน ร่างกายจะโหยหาการเคลื่อนไหวหากหยุดกิจกรรมเหล่านั้น เหมือนงานวิจัยได้กล่าวว่าการออกกำลังกายจะช่วยป้องกันสุขภาพจิตและสุขภาพกาย และยังสามารถช่วยพัฒนาผลการเรียนได้ด้วย

 

               จากกิจกรรมตัวอย่างง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำร่วมกับลูกน้อยได้ในช่วงเวลาการปิดเมืองและการกักตัว ทางเราก็มีทางเลือกมานำเสนอที่เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ที่บ้านแถมยังพัฒนาทักษะไปขณะที่อยู่บ้าน นั่นก็คือ โปรแกรม  Reading Assistant Plus® ที่เป็นฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อฝึกอ่าน หรือพัฒนาภาษาอังกฤษและ โปรแกรม Fast ForWord® ที่ช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการอ่าน สามารถช่วยพัฒนา สมาธิ ความจำ การเรียนลำดับก่อนหลัง การอ่าน และการฟัง เป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับน้อง ๆ

 

BrainFit รับสมัครน้อง ๆ อายุตั้งแต่ 3-18 ปี

รับคำปรึกษาจากเรา ได้แล้ววันนี้ ฟรี!

ที่ 02-656-9938 / 02-656-9915 / 091-774-3769

LINE: @brainfit_th

 

 

อ้างอิง : https://theconversation.com/coronavirus-how-to-help-children-through-isolation-and-lockdown-133990

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4