รู้ได้อย่างไรว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้า?

ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะมีคำถาม ข้อสงสัยบางอย่าง หรืออาจเกิดความกังวลใจ เมื่อมองไปที่บุตรหลานของท่าน และสังเกตเห็นว่าบุตรหลานของท่านไม่สามารถทำสิ่งพื้นฐานที่เด็กวัยเดียวกันทำได้ไม่เข้าใจคำสั่ง หรือออกเสียงคำง่ายๆไม่ได้ สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าบุตรหลานของท่านมีพัฒนาการล่าช้าหรือไม่ พัฒนาการล่าช้าสังเกตจากอะไร แล้วถ้ามีพัฒนาการล่าช้าจริงจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร วันนี้เรามาร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆกันไปกับบทความนี้กันเถอะ!!!

พัฒนาการคืออะไร?

พัฒนาการคือกระบวนการเจริญเติบโตในทุกด้านของมนุษย์ โดยเริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งทางด้านขนาด เช่น รูปร่าง ความสูง และคุณภาพ เช่น ความคิด พฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในลักษณะเจริญงอกงาม หรือถดถอยลง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับ

พัฒนาการล่าช้าคืออะไร?

เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า คือ เด็กที่มีพัฒนาการช้ากว่าลำดับขั้นปกติตามช่วงอายุของเด็ก

ทำไมเด็กถึงมีพัฒนาการล่าช้า?

การที่เด็กมีพัฒนาการล่าช้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่บทความนี้จะขอยกสาเหตุที่พบบ่อยๆ มาให้ได้ทราบกัน 3 สาเหตุดังนี้

ความผิดปกติของโครโมโซม
ภาวะขาดสารอาหารในเด็ก
ขาดการดูแลเอาใจใส่จากผู้เลี้ยงดู

รู้ได้อย่างไรว่าลูกมีพัฒนาการล่าช้า?

1.พฤติกรรมและการแสดงออก

1.1 ไม่มีสมาธิ หรือไม่สนใจกิจกรรมที่กำลังทำอยู่

1.2 สนใจสิ่งของ มากกว่าผู้คน

1.3 ไม่ชอบสบตาขณะพูดคุย

1.4 ไม่สามารถทำสิ่งพื้นฐานที่เด็กวัยเดียวกันทำได้

1.5 ซนผิดปกติ หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว

2.การเคลื่อนไหวร่างกาย

2.1 แขนขาเกร็ง หรืออ่อนปวกเปียก
2.2 มักใช้ร่างกายด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าอีกด้าน

2.3 เชื่องช้า ไม่กระตือรือร้น

2.4 อยู่ไม่นิ่ง

3.การมองเห็น

3.1 ไม่มองตามผู้คนหรือสิ่งของ

3.2 มองไม่ชัด โฟกัสวัตถุไม่ได้

3.3 มองขนาด และสีของวัตถุผิดเพี้ยนไป

4.การได้ยิน

4.1 พูดเสียงดังผิดปกติ

4.2 ตอบสนองการเรียกช้า / ต้องสั่งซ้ำ
4.3 เข้าใจคำพูดหรือคำสั่งยาก

4.4 ไม่ตกใจเวลาได้ยินเสียงดัง

4.5 ออกเสียงคำง่ายๆไม่ได้

การเลี้ยงดูเด็กที่มีพัฒนาการล้าช้า?

การเลี้ยงดูเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าจะไม่แตกต่างจากการเลี้ยงดูเด็กที่มีพัฒนาการตามวัยมากนัก ดังนั้นข้อแนะนำในการเลี้ยงดูเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า ก็จะเหมือนกับเด็กทั่วไป คือให้ความรัก และการดูแลที่อบอุ่นจากครอบครัว ยอมรับในข้อแตกต่างของเด็กแต่ละคนให้ได้ อบรมสั่งสอนและฝึกวินัยให้แก่เด็ก และที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างก็คือผู้ปกครองควรจะต้องมีการกระตุ้นพัฒนาการในด้านที่ยังไม่สมวัยของเด็กเพิ่มเข้ามาด้วย และการกระตุ้นพัฒนาการจะต้องทำด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม และมีความต่อเนื่องของระยะเวลาในการกระตุ้น เพื่อให้บุตรหลานของท่านมีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ถึงพร้อม ให้สิ่งเหล่านี้ติดตัวบุตรหลานของท่านไปอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว การมอง การฟัง เป็นต้น เมื่อบุตรหลานของท่านมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของคุณพ่อคุณแม่ก็จะคลายลง รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น และสามารถมองดูบุตรหลานของท่านเติบใหญ่ขึ้นมามีพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรงสมวัย มีอารมณ์ที่สดใสร่าเริง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งการกระตุ้นพัฒนาการของเด็กสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่หนึ่งวิธีที่อยากแนะนำคือการกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการผ่านทางกิจกรรม และการให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง เพราะว่าเมื่อเด็กได้ลงมือทำ หรือได้ฝึกการใช้ทักษะด้านนั้นๆ บ่อยๆ ทักษะที่เคยอ่อน จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น เหมือนเวลาที่เราเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย ถ้าเราออกส่วนไหน ร่างกายส่วนนั้นก็จะแข็งแรงขึ้นเช่นเดียวกัน

โดยการที่จะส่งเสริมพัฒนาการให้เห็นผลได้ดีที่สุดจะต้องมีการส่งเสริมด้วยความเข้มข้นที่พอเหมาะไม่น้อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ไม่ค่อยเห็นผล หรือมากเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว และยิ่งส่งเสริมได้ตั้งแต่อายุน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี และจะต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง จึงจะเริ่มเห็นผล ซึ่งระยะเวลาที่ใช้จะแตกต่างกันในเด็กแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานพัฒนาการ และศักยภาพของตัวเด็กด้วย

ดังนั้นหากผู้ปกครองท่านไหนกำลังมองหาสถานที่ ที่จะกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการ ผ่านการทำกิจกรรมที่ทำให้บุตรหลานของท่านรู้สึกสนุกสนาน แถมยังได้ผลลัพธ์เป็นพัฒนาการด้านต่างๆ ที่แข็งแรงขึ้น ที่ BrainFit เรามีหลักสูตรที่ตรงกับความต้องการของท่านอย่างแน่นอน เพราะหลักสูตรของทางสถาบันจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้ครบทั้ง 5 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การมอง การฟัง สมาธิ และอารมณ์ ผ่านตัวกิจกรรมที่สนุกสนานและมีความหลากหลาย เพื่อให้ลูกของท่านมีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว