5 วิธีที่จะช่วยให้เด็กๆ อ่านหนังสือเข้าใจมากขึ้น!

 

5 วิธีที่จะช่วยให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือเข้าใจ มากขึ้น!

 

วิธีการเหล่านี้สามารถช่วยให้นักเรียนที่อ่านหนังสือได้ดี แต่มีปัญหาในเรื่องของการทำความเข้าใจสิ่งที่อ่าน สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่อ่านได้ดีขึ้น

 

เมื่อเรานึกถึงปัญหาด้านการอ่านในเด็ก เรามักนึกถึงเด็ก ๆ ที่พยายามแปลความหมายของตัวอักษรออกมาเป็นข้อความ แล้วเปลี่ยนเป็นภาษาพูด (อ่านออกเสียง) ผู้อ่านที่มีความยากลำบากประเภทนี้จะมีความยากลำบากในการหาความหมายของคำที่มีเสียงคล้ายคลึงกัน และมีปัญหาเรื่องของการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะมีกรณีที่มีผู้ที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาด้านการอ่านใด ๆ สามารถอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมีปัญหาในเรื่องของการเข้าใจคำศัพท์ คำเปรียบเทียบ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และการแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน

 

เมื่อเด็ก ๆ เริ่มเติบโตขึ้น หากพวกเขาสามารถอ่านหนังสือได้อย่างถูกต้อง เราจะถือว่าพวกเขาอ่านได้ดี และคนส่วนใหญ่จะเริ่มเรียนรู้ที่จะแปลความหมายของคำที่อ่าน เพื่อทำความเข้าใจภาษา และมีสมาธิจดจ่อกับการอ่านมากขึ้น เมื่อพวกเขาเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเมื่อเด็ก ๆ เข้าสู่ช่วงนั้น คุณครูอาจจะเริ่มเห็นว่าเด็กบางคน สามารถอ่านหนังสือได้อย่างคล่องแคล่ว แต่กลับไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่อ่านได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือเป็นปัญหาในเรื่องของการอ่านสำหรับเด็กอีกประเภทหนึ่ง

 

และเนื่องจาก ผู้อ่านที่มีความยากลำบากในการอ่านประเภทนี้นั้น เป็นประเภทที่เราสามารถมองเห็นถึงความยากลำบากในการอ่านของพวกเขาได้ยาก จนกว่าพวกเขาจะได้เข้ารับการทดสอบในรายวิชาที่ได้เรียนไป และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าไหร่นัก เช่นการที่พวกเข้าสอบตกนั้นเอง 

 

และถึงแม้ว่าสิ่งที่แสดงออกมา จะมาในรูปแบบของการทำแบบทดสอบ และสอบตกแล้วก็ตาม ผู้ปกครอง หรือคุณครูก็อาจจะยังไม่ได้สังเกตเห็นถึงปัญหาด้านการอ่านนี้ของเด็ก เพราะอาจนึกไปว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถทำข้อสอบได้เพราะเรียนไม่เข้าใจเอง และกว่าที่พวกเราจะรู้ว่าสาเหตุของการทำข้อสอบไม่ได้ หรือเรียนไม่เข้าใจนั้น เกิดจากการที่เด็กไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้อ่านไปได้ ปัญหานี้ก็อาจจะติดตัวเด็กลากยาวไปจนถึงช่วงที่พวกเข้าเรียนมัธยมต้น หรือมัธยมปลายไปแล้วนั่นเอง

 

ผู้ที่มีความยากลำบากในการอ่านเหล่านี้ควรได้รับการกำหนดเป้าหมายการแก้ไข เพื่อให้สามารถอ่านแล้วแปลความหมายได้ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หากใช้การแก้ไขด้วยการให้อ่านบทความ หรือข้อความ แล้วตอบคำถามเพียงอย่างเดียวนั้น ก็อาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพมากนัก เพราะเราจะสามารถเน้นทักษะของการอ่านได้แคบ หรือน้อยเกินไป

 

ดังนั้นในวันนี้เราจึงได้นำวิธีการในการพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจมาฝากทุกท่าน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ!!!

 

 

5 วิธีที่จะช่วยให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือเข้าใจมากขึ้น

 

วิธีการ 5 วิธีดังต่อไปนี้ เป็นวิธีที่ทดลองใช้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจในเนื้อหาของเด็กที่มีความยากลำบากในการทำความเข้าใจสิ่งที่อ่าน ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง

 

1.กำหนดเป้าหมายในเรื่องของการเข้าใจภาษาโดยรวม: ได้มีการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า เด็กที่มีปัญหาด้านการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนั้น สาเหตุอาจเกิดจากการที่พวกเขาไม่แข็งแรงในเรื่องของภาษาพูดตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเกิดในช่วงก่อนเข้าโรงเรียน เพราะผลการวิจัยได้แสดงออกมาว่า ผู้ที่มีปัญหาด้านการอ่าน มักจะมีปัญหาด้านการเข้าใจเรื่องของคำพูด พวกเขามักจะไม่สามารถเข้าใจคำ หรือประโยคที่ได้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พวกเข้ามีความเข้าใจในเรื่องไวยากรณ์ได้แย่ลงไปด้วย

 

ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าใจความหมายของสิ่งที่อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักการศึกษาอาจจะต้องใช้วิธีการสอนคำศัพท์ สอนทักษะการคิด และการทำความเข้าใจในเนื้อหาก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะต้องเริ่มพัฒนาทักษะเหล่านี้ในภาษาพูดก่อน แล้วตามมาด้วยการอ่าน และลำดับสุดท้ายคือการพัฒนาทักษะการเขียน

 

2.สอนคำศัพท์: เนื่องจากนักเรียนที่มีความบกพร่องด้านความเข้าใจนั้น มักจะมีทักษะในเรื่องของคำศัพท์ที่ไม่ดี และมีความเข้าใจในคำศัพท์น้อย ดังนั้นมันจะช่วยพวกเขาได้มากหากเราสอนเรื่องของการสอนให้พวกเขารู้ความหมายของคำศัพท์แต่ละคำอย่างแท้จริง โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่นอยู่ในรูปของผังกราฟฟิก(การทำแผนผังความคิด) ใช้รูปภาพ และตัวช่วยจำ การพัฒนาทักษะทางภาษาแบบรอบด้านจะช่วยเพิ่มโอกาสให้พวกเขาเข้าใจคำที่เห็นในข้อความ และเนื่องจากว่า มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กๆจะเข้าใจคำทุกคำที่เห็นในข้อความ นักเรียนควรได้รับการสอนให้เดาคำศัพท์จากบริบทรอบข้าง เพื่อที่จะทำให้พวกเค้าสามารถเข้าใจข้อความนั้นได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

 

3.สอนกลวิธีการคิด: เมื่อเด็กๆสามารถเข้าใจคำศัพท์ได้มากขึ้น อุปสรรคต่อมาที่พวกเขาจะต้องเผชิญก็คือการทำความเข้าใจกับประโยค หรือข้อความที่มีความซับซ้อน และจะต้องตีความจากสิ่งที่ได้อ่านเพื่อทำความเข้าใจกับความหมายแฝงต่างๆ ซึ่งคุณครูสามารถช่วยสอนกลยุทธ์การเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจประโยค หรือข้อความที่มีความซับซ้อนได้โดยใช้เทคนิค SQ3R

 

เทคนิค SQ3R

เทคนิค SQ3R เป็นเทคนิคการอ่านเพื่อจับใจความที่ได้รับการพัฒนาโดยนักจิตวิทยาที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งเทคนิคนี้ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

S = Survey สำรวจ

คือการอ่านข้อความทั้งหมดแบบผ่านๆ เพื่อทำการสำรวจว่าสิ่งที่อ่านนั้นมีชื่อเรื่อง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร และมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะสื่อให้เราทราบว่าอย่างไร

 

Q = Question

ตั้งคำถาม ให้เราฝึกตั้งคำถามจากในเนื้อเรื่อง แล้วตอบด้วยตัวเอง เพื่อทำให้เรามีความเข้าใจในเนื้อเรื่องมากขึ้น

 

R = Read อ่าน

เพื่อเป็นการตอบคำถามของสิ่งที่เราอยากทราบ หรือต้องการที่จะทราบ

 

R = Recite ท่อง

เมื่ออ่านแล้วพยายามท่องจำในเนื้อหาใจความหลักของสิ่งที่ได้อ่าน เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชิวิตประจำวัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้องค์ความรู้นี้

 

R = Review ทบทวน

ทบทวนความรู้ที่อ่าน เพื่อป้องกันการลืมเนื้อหา หรือองค์ความรู้ต่างๆที่เราได้อ่านไป

 

ซึ่งถ้าหากเด็กๆได้ใช้เทคนิคนี้ในการพัฒนาทักษะการอ่านของพวกเขา ก็จะช่วยส่งเสริมให้พวกเขาสามารถอ่านข้อความที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

 

 

4.ให้นักเรียนฝึกผลัดกันสอนซึ่งกันและกัน: เมื่อเด็กๆได้เรียนรู้สิ่งต่างๆตามวิธีที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว พวกเขาสามารถฝึกฝน และนำไปใช้ได้อย่างต่อเนื่องสอนแบบแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน สิ่งนี้เองจะช่วยกระตุ้น และสร้างให้เด็กมีบทบาทการเป็นผู้นำ  และเป็นการให้เด็กทบทวน ทำความเข้าใจ แล้วสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนรู้ออกมา เป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายให้คนอื่นได้ทราบ และระหว่างการอธิบาย เด็ก ๆ  ก็จะได้ฝึกเรื่องของการอ่านออกเสียงไปด้วยอีกทางหนึ่ง

 

5.สอนทักษะการเรียง หรือจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อ่าน: ฝึกให้เด็ก ๆ จัดลำดับความสำคัญของการอ่าน เช่นเมื่ออ่านหนังสือแล้ว ฝึกให้พวกเขาทำสรุปเนื้อหาสิ่งที่อ่านออกมา แล้วนำเนื้อหาที่ได้อ่านไปจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อ่าน

 

สิ่งนี้เองจะช่วยให้เด็กๆสามารถเข้าใจสิ่งที่อ่านได้อย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น และถ้าหากพวกเขาสามารถเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่อ่านได้แล้ว จะช่วยส่งเสริมให้พวกเขาทำข้อสอบได้ดียิ่งขึ้น เวลาอ่านโจทย์ก็จะสามารถวิเคราะห์ และเรียงลำดับสิ่งที่ต้องทำได้ดี นำไปสู่การทำคะแนนในห้องสอบได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

 

ก็หวังว่าข้อมูลที่เราได้นำมาฝากในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่าน ไม่มากก็น้อยนะคะ

 

และสำหรับผู้ปกครองท่านไหนที่กำลังมองหาวิธีพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจให้เด็ก ๆ อยู่ แล้วเห็นว่าวิธีที่เรานำมาฝากในวันนี้เป็นประโยชน์กับท่าน ก็อย่าลืมนำเอาวิธีการเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาเด็ก ๆ เพื่อให้พวกเขามีศักยภาพในการอ่านที่ดีขึ้นกันนะคะ

 

 

ทางสถาบัน BrainFit มีโปรแกรมที่ช่วยพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง ที่มีชื่อว่า “Reading Assistant Plus®และโปรแกรม พัฒนาทักษะการฟัง และสมาธิจากการฟัง และการเรียงลำดับก่อนหลัง ที่มีชื่อว่า “Fast ForWord®” ซึ่งทั้งสองโปรแกรมนี้ยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของผู้ใช้ให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้อีกด้วย

 

------------------------------------

 

BrainFit รับสมัครน้องๆ อายุตั้งแต่ 3-18 ปี

รับคำปรึกษาจากเรา ได้แล้ววันนี้ ฟรี !

02-656-9938 / 02-656-9915 / 091-774-3769

LINE: @brainfit_th

 

 

 

ที่มา: www.edutopia.org, www.gotoknow.org

 

 

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4