สลับโหมด!? เสริมสร้างและ พัฒนาการเรียนรู้ สำหรับลูกรัก
การเรียนรู้ มีหลายรูปแบบ ดังนี้
เรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้ผ่านการทดลอง เรียนรู้ผ่านหนังสือวิชาการ หนังสือนิทาน และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทุกรูปแบบ ขึ้นกับความพร้อมและพื้นฐานของแต่ละคน
BrainFit จึงขอนำเสนอการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งอ้างอิงจากคอร์สออนไลน์ชื่อดังของ Coursera “Learning How to Learn: Powerful mental tools to help you master tough subjects Barbara Oakley” ซึ่งมีเทคนิคการเรียนรู้หลากหลาย เราจึงขอยกเทคนิค พัฒนาการเรียนรู้ ที่น่าสนใจมาเพื่อให้ผู้ปกครองได้ลองอ่านกัน
เทคนิค สลับโหมดเสริม การเรียนรู้ ผ่าน Focused and Diffuse Thinking model
ผู้ปกครองบางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า "เพราะอะไรลูกรักถึงจำรายละเอียดคำสั่งไม่ได้ ขี้ลืม อ่านทบทวนหนังสือตลอดแต่ก็จำไม่ได้"
หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็อาจจะเคยมีประสบการณ์จดจ่อกับการคิดงานต่าง ๆ แต่ก็คิดไม่ออก พอออกไปเดินเล่น สูดอากาศ หรือไปอาบน้ำกลับคิดไอเดียใหม่ ๆ จนต้องรีบจดโน้ตไว้เดี๋ยวนั้นเลยค่ะ
Barbara ได้อธิบายไว้ว่าการทำงานของสมองเวลาที่เรากำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ แบ่งเป็น 2 โหมดที่จะทำงานสลับกันไป โดยเราไม่สามารถที่จะมี 2 โหมดในเวลาเดียวกันได้ ทั้งสองโหมดมีบทบาทที่แตกต่างกันในเรื่องของการเรียนรู้
1. Focused mode
ทำงานเมื่อเราตั้งใจจดจ่อและเพ่งความสนใจ สมองถูกบังคับให้ใช้ความรู้ที่มีในการตอบคำถามหรือแก้ปัญหา
2. Diffuse mode
ทำงานเวลาที่เราอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย ทำอะไรโดยอัตโนมัติ อยู่ในภาวะกึ่งจิตใต้สำนึก ไม่ได้จดจ้องเพ่งความสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาก สมองจะสร้างการเชื่อมโยงความรู้ที่มีแบบสุ่ม (Random connection) เกิดเป็นไอเดีย ความคิดใหม่ ๆ ที่ผุดแทรกขึ้นมา หรือปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาวะพักเป็นอิสระ (Let your mind run free)
🌈เราขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพของสองโหมดนี้เพิ่มมากขึ้น
เวลาที่ต้องอ่านหนังสือสอบ ต้องสอบวิชาคณิตศาสตร์ในวันพรุ่งนี้แต่ยังอ่านหนังสือ ทำโจทย์ไม่ทันเพราะติดอยู่ข้อนี้มานานมากแล้ว คิดยังไงก็คิดไม่ออก ลองทุกวิธีทำไมไม่ได้สักทีนะ แต่พอลุกไปเดินเล่น ไปคุยเล่นกับน้องหมา กลับมามีไอเดียต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และสามารถแก้โจทย์ข้อที่ติดนี้ได้
Focused mode : ทำงานเมื่อเราพยายามแก้โจทย์ และจดจ่อกับการแก้ปัญหานั้น ๆ
Diffused mode: ทำงานเมื่อเราพักผ่อน ออกไปเดินเล่น คุยเล่นกับน้องหมา
และการเรียนสิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาที่ไม่คุ้นเคย หรือปัญหาที่ซับซ้อน นั้นจะประกอบไปด้วยการสลับกันระหว่างความคิดทั้งสอง Mode นี้ โดย Focus mode จะทำให้ได้ข้อมูล ได้คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่หากคิดคำตอบไม่ออก ก็ไปผ่อนคลาย เพื่อให้สมองอยู่ใน Diffuse mode และเพื่อให้ความคิดใต้สำนึก (unconscious mind) พยายามหาสิ่งใหม่ ๆ มาเชื่อมโยง และมองภาพให้กว้างขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะพบว่าเริ่มรู้วิธีแก้ปัญหา เริ่มมีข้อมูลแก้ปัญหามากขึ้น หรือคิดสร้างสรรค์วิธีแก้ปัญหาใหม่ ๆ ได้ดีมากขึ้น
สำหรับเทคนิคการสลับโหมดไม่ได้มีเพียงแค่สลับโหมดไปมาระหว่างการจดจ่อและการพักเพียงเท่านั้นแต่เป็นการเพิ่มทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญให้กับสมองทั้ง 5 ด้านอีกด้วย ซึ่งหากเด็ก ๆ มีพื้นฐานแข็งแรงจะช่วยให้เด็กทำงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และโปรแกรมการฝึก Whole Brain Training ของทาง BrainFit ก็เป็นตัวช่วยพัฒนาทักษะทางสมองได้มากขึ้น เพราะเป็นการสร้างสมดุลให้สมองทั้ง 2 โหมดทำงานไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยังได้รับการวิจัยมากจากนักประสาทวิทยา
ดังนั้น เทคนิคสลับโหมดช่วยให้เกิด การเรียนรู้ อย่างสนุกสนานและยังช่วยเพิ่มพื้นฐานทักษะทางสมอง มากไปกว่านั้นยังเสริมสร้างและพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทาง BrainFit เชื่อว่า การเรียนรู้ เกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา หากเราใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมทางด้านร่างกาย การพักผ่อนอย่างเพียงพอเพราะ Diffused mode จะเกิดขึ้นได้ผ่านการพักผ่อน และการมีอิสระในทุก ๆ ด้าน ทำให้เรามี Focused mode ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
😊 หากผู้ปกครองสนใจคอร์สฝึกของเราสามารถติดต่อได้ที่นี่เลยนะคะ ✨
จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ และ อาทิตย์
02-656-9938 / 02-656-9939 / 02-656-9915
วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769